แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
อำนาจศาลอุทธรณ์ตัดสินคดีจำเลยมิได้อุทธรณ์โจทย์ไม่ได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ศาลไม่มีอำนาจตัดสินได้
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องเปน ๒ ตอน ๆ ที่ ๑ หาว่าจำเลยทั้ง ๒ กล่าวคำหมิ่นประมาทโจทย์แลตอนที่ ๒ หาว่าจำเลยที่ ๑ กล่าวคำหมิ่นประมาทโจทย์อีก จึงขอให้ลงโทษ
ศาลเดิมตัดสินว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดในตอนที่ ๒ ให้จำคุกจำเลย ๑ เดือนแลปรับเปนพินัย ๑๐๐ บาท ตามมาตรา ๒๘๒ แห่งกฎหมายอาญา ส่วนโทษจำคุกให้รอการลงอาญาไว้ตามมาตรา ๔๐ ส่วนจำเลยที่ ๑ ไม่มีผิดให้ปล่อยตัวไป
โจทย์อุทธรณ์ว่าศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยเบาไป
ศาลอุทธรณ์ตัดสินกลับว่า จำเลยที่ ๒ ไม่มีความผิดให้ปล่อยตัวไป
โจทย์ถวายฎีกาว่า (๑) ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจตัดสินยกฟ้องเพราะจำเลยไม่ได้อุทธรณ์
(๒) จำเลยควรมีผิด
ศาลฎีกาตัดสินว่า ในฎีกาข้อ ๑ เปนอันฟังไม่ได้ เพราะศาลอุทธรณ์มีอำนาจที่จะพิพากษากลับฤาแก้ไขอย่างไรก็ได้เมื่อเห็นว่าจำเลยไม่มีผิด ส่วนในฎีกาข้อ ๒ นั้นศาลเดิมแลศาลอุทธรณ์ตัดสินต้องกันว่า จำเลยทั้ง ๒ ไม่มีผิดตามข้อหาในตอน ๑ เรื่องจึงยุติเพียงศาลอุทธรณ์ส่วนข้อหาในตอน ๒ นั้น ได้ความว่าจำเลยที่ ๒ กล่าวข้อความแต่ผู้เดียว จำเลยที่ ๑ หาได้เกี่ยวข้องด้วยไม่ แต่โจทย์ฟ้องหาว่าจำเลยที่ ๑ เปนผู้กล่าวแลขอให้ลงโทษดังนี้ แม้จำเลยที่ ๒ จะกล่าวเปนความผิดฤาไม่ก็ดี ศาลก็ลงโทษจำเลยที่ ๒ ไม่ได้ เพราะโจทย์มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ด้วย โจทย์ไม่มีทางจะฎีกาคัดค้านได้ ให้ยกฎีกาโจทย์