แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานรับของโจรก็ไม่ถือว่าต่างกันในข้อสาระสำคัญและจำเลยมิได้หลงต่อสู้ทั้งข้อเท็จจริงดังกล่าวศาลล่างทั้งสองก็ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วศาลฎีกามีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจรตามข้อเท็จจริง ที่ได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม ไม่ถือว่าพิพากษาเกินคำฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335, 91, 32 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ริบอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพในข้อหามีและพาอาวุธปืนส่วนข้อหาลักทรัพย์ จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(12) วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสองเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ฐานลักทรัพย์ของผู้มีอาชีพกสิกรรม บรรดาที่เป็นผลิตภัณฑ์ลงโทษจำคุก 1 ปี ฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียน จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพฐานมีและพาอาวุธปืนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนคงจำคุก 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืนไม่มีทะเบียนคงจำคุก 3 เดือนรวมจำคุกจำเลย 1 ปี 9 เดือน
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องข้อหาลักทรัพย์ ส่วนข้อหามีและพาอาวุธปืนติดตัว ขอให้ลงโทษสถานเบา
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องข้อหาลักทรัพย์นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเป็นผู้นำแผ่นยางพาราของผู้เสียหายไปขายให้นายนิคมตั้งแต่เช้าตรู่ของวันที่ 22 พฤษภาคม อันเป็นเวลากระชั้นชิดกับเวลาเกิดเหตุลักทรัพย์ เป็นการบ่งชี้ว่าจำเลยทราบว่าทรัพย์ดังกล่าวได้มาโดยการกระทำความผิด พฤติการณ์ของจำเลยฟังได้ว่าจำเลยช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งแผ่นยางพารารวม 17 แผ่นของผู้เสียหายโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์อันเป็นความผิดฐานรับของโจรแม้ข้อเท็จจริงดังกล่าวที่ปรากฏในการพิจารณาจะต่างกันระหว่างการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจรก็ไม่ถือว่าต่างกันในข้อสาระสำคัญ และจำเลยมิได้หลงต่อสู้ทั้งข้อเท็จจริงดังกล่าวศาลล่างทั้งสองก็ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วเพียงแต่ปรับบทฐานความผิดต่างกันเท่านั้น ศาลฎีกามีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจร ตามข้อเท็จจริงก็ได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสามไม่ถือว่าพิพากษาเกินคำฟ้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก จำคุก 6 เดือนเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว รวมจำคุกจำเลย 1 ปี 3 เดือนให้ริบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3