แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คดีมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยตามคำร้องขอคืนของกลางของผู้ร้องเพียงว่าศาลจะสั่งคืนของกลางให้แก่ผู้ร้องหรือไม่เท่านั้น ส่วนประเด็นที่ว่าพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนจำเลยโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เป็นเรื่องที่จำเลยยกขึ้นต่อสู้ในคดีหลัก ผู้ร้องจะยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาในคำร้องขอคืนของกลางไม่ได้
ป.อ. มาตรา 36 กำหนดให้เป็นหน้าที่ของเจ้าของทรัพย์แท้จริงมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ขอให้ศาลสั่งคืนทรัพย์สินที่ศาลสั่งให้ริบภายในหนึ่งปีนับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุด มิได้กำหนดให้พนักงานสอบสวนแจ้งให้ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์ที่ถูกยึดทราบ แม้พนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งให้เจ้าของทรัพย์ที่ถูกยึดทราบก็ตาม กำหนดเวลาดังกล่าวก็เริ่มนับแล้ว
การขอให้ศาลสั่งคืนของกลางที่ศาลสั่งริบตาม ป.อ. มาตรา 36 เป็นส่วนหนึ่งของคดีอาญา เมื่อผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยจึงเป็นหน้าที่ของผู้ร้องที่จะต้องนำสืบให้ได้ความตามที่กล่าวอ้าง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสิบเอ็ดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พ.ศ.2482 มาตรา 4, 7 (1), 8, 9, 10, 11, 11 ทวิ พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 11,18, 62, 81 ริบเรือประมงสัญชาติเวียดนาม และเครื่องมือเบ็ดราว 40 ชุด ของกลาง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เรือประมงสัญชาติเวียดนามของกลาง ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสิบเอ็ด ขอให้คืนเรือประมงของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้ร้องจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เรือประมงของกลางหรือไม่ ไม่รับรอง หากผู้ร้องเป็นเจ้าของผู้ร้องก็รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสิบเอ็ด เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของเรือประมงของกลางจำเลยทั้งสิบเอ็ดนำเรือประมงของกลางไปใช้กระทำความผิดคดีนี้ ที่ผู้ร้องฎีกาประการแรกว่า พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนจำเลยทั้งสิบเอ็ดโดยมิชอบนั้น เห็นว่า คดีนี้มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยตามคำร้องของผู้ร้องเพียงว่า ศาลจะสั่งคืนเรือประมงของกลางให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของ และมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสิบเอ็ดหรือไม่เท่านั้น ส่วนประเด็นที่ว่าพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนจำเลยทั้งสิบเอ็ดโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสิบเอ็ดต้องยกขึ้นต่อสู้ในคดีหลัก ผู้ร้องจะยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาในคำร้องขอคืนเรือประมงของกลางไม่ได้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ที่ผู้ร้องฎีกาประการต่อไปว่า พนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งให้ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นของกลางในคดีอาญาทราบว่าทรัพย์ของตนถูกยึด การขอรับของกลางตามกฎหมายจึงยังไม่เริ่มขึ้นนั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 กำหนดให้เป็นหน้าที่ของเจ้าของทรัพย์แท้จริงมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดขอให้ศาลสั่งคืนทรัพย์สินที่ศาลสั่งให้ริบภายในหนึ่งปีนับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุด มิได้กำหนดให้พนักงานสอบสวนแจ้งให้ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์ที่ถูกยึดทราบ พนักงานสอบสวนจึงไม่มีหน้าที่ดังที่ผู้ร้องฎีกา ฎีกาของผู้ร้องข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ที่ผู้ร้องฎีกาประการต่อไปว่า โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ได้ความตามที่โจทก์คัดค้านว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสิบเอ็ดนั้น เห็นว่า การขอให้ศาลสั่งคืนของกลางที่ศาลสั่งริบแล้วตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 เป็นส่วนหนึ่งของคดีอาญา เมื่อผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสิบเอ็ดก็เป็นหน้าที่ของผู้ร้องที่จะต้องนำสืบให้ได้ความตามที่กล่าวอ้าง ฎีกาของผู้ร้องข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.