คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3972/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย ได้ทำสัญญากับโจทก์ซึ่งก็ทราบว่าจำเลยมีภริยาอยู่แล้ว มีสาระสำคัญว่า โจทก์จำเลยยินยอมเป็นสามีภริยากันตั้งแต่วันทำสัญญา โดยจำเลยจะจ่ายเงินให้แก่โจทก์เดือนละ 1,000 บาท สัญญาดังกล่าวจึงมีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนตกเป็นโมฆะ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญายินยอมเป็นสามีภริยากันโดยจำเลยต้องจ่ายเงินให้โจทก์เดือนละ ๑,๐๐๐ บาท โจทก์จำเลยจึงเป็นสามีภริยากันตั้งแต่นั้นมา จำเลยจ่ายเงินให้โจทก์ตลอดมาจนถึงเดือนเมษายน ๒๕๒๕ แล้วไม่จ่ายให้ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน ๔๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ได้บอกเลิกสัญญาตามฟ้องกับโจทก์แล้ว โจทก์ทราบดีว่าจำเลยมีภริยาอยู่ก่อนแล้ว สัญญาดังกล่าวใช้บังคับไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๔,๐๐๐ บาทแก่โจทก์
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามสัญญาเอกสารหมาย จ.๑ มีข้อความว่า โจทก์จำเลยตกลงยินยอมเป็นสามีภริยากันตั้งแต่วันทำสัญญาโดยจำเลยจะจ่ายเงินให้กับโจทก์ เป็นเงินเดือนละ ๑,๐๐๐ บาท ตั้งแต่สิ้นเดือนมกราคม ๒๕๒๐ เป็นต้นไป หากโจทก์มีบุตรกับจำเลย จำเลยต้องรับเป็นบุตรโดยถูกต้องตามกฎหมายโดยไปจดทะเบียนรับรองบุตรต่อนายทะเบียนท้องที่ ข้อความในสัญญาแสดงว่าโจทก์จำเลยตกลงอยู่กินเป็นสามีภริยากันโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งโจทก์ก็ทราบว่าจำเลยมีภริยาชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว สัญญาดังกล่าวจึงมีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๓ โจทก์ฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share