คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3970/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ท.กับจำเลยเข้าหุ้นกันค้าขาย เช็คพิพาทเป็นของห้างหุ้นส่วน ซึ่ง ท.ทราบยอดเงินในบัญชีดีและท.รับเช็คไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าขณะที่ จำเลยออกเช็คให้นั้นเงินในบัญชีมีไม่พอจ่าย ท. กับโจทก์สมคบกัน สลักหลังโอนเช็คให้โจทก์เพื่อให้โจทก์นำไปเข้าบัญชีเรียกเก็บเงินและ นำเช็คมาฟ้องคดี โดยท.มิได้เป็นหนี้โจทก์และโจทก์ทราบความเป็นมา ของเช็คพิพาทดังกล่าวโจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยย่อมไม่มีความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ประทับฟ้องโจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 2 หลบหนี ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 2 ชั่วคราว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ท. กับจำเลยทั้งสองเข้าหุ้นกันค้าขายและได้เปิดบัญชีกระแสรายวันไว้ ท. ทราบถึงการใช้จ่ายและยอดเงินในบัญชีดี เช็คพิพาทเป็นเช็คของห้างหุ้นส่วน ท. ทราบอยู่แล้วว่าขณะที่จำเลยทั้งสองออกเช็คนั้นเงินในบัญชีมีไม่พอจ่าย โจทก์กับ ท. เป็นญาติกัน โจทก์ทราบความเป็นมาของเช็คพิพาททั้งสองฉบับด้วย ท. ไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ แต่ ท. กับโจทก์สมคบกันสลักหลังโอนเช็คพิพาทให้โจทก์เพื่อให้นำไปเข้าบัญชีเรียกเก็บเงินและนำเช็คมาฟ้องคดีนี้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบ เมื่อโจทก์นำเช็คทั้งสองฉบับไปเข้าบัญชีเรียกเก็บเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จะหาว่าจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คหรือออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีไม่ได้ จำเลยที่ 1 ไม่ได้กระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง
พิพากษายืน

Share