คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องบรรยายว่า เมื่อเวลาค่ำคืนระหว่างวันที่ 6-7พฤศจิกายน2494 คนร้ายได้ลักทรัพย์ของผู้เสียหายไปต่อมาวันที่ 7 เดือนเดียวกัน เวลากลางวัน จับของกลางได้ที่ลิ้นชักตู้ของจำเลยทั้งนี้โดยจำเลยเป็นคนร้ายลักทรัพย์นั้นมา หรือมิฉะนั้นจำเลยก็รับเอาทรัพย์ดังกล่าวแล้ว ไว้จากโจรโดยรู้ว่าเป็นของร้ายได้มาจากการกระทำผิดกฎหมายขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 293,294,321คงถือได้ว่า ฟ้องดังกล่าวได้มีวันเดือนปีที่หาว่าจำเลยทำผิดไว้แล้วเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อเวลาค่ำคืนระหว่างวันที่ 6-7 พฤศจิกายน 2494คนร้ายได้เข้าไปในห้องเรือนเคหะสถานของพลทหารทนง ทองอินทร์โดยไม่ได้รับอนุญาต และได้ลักทรัพย์ต่าง ๆ ของพลทหารทนงซึ่งเก็บไว้ในเคหะสถานนั้นไปหลายอย่าง ตามบัญชีท้ายฟ้องรวมราคา 8,157 บาทต่อมาในวันที่ 7 เดือนเดียวกัน เวลากลางวัน เจ้าทรัพย์และเจ้าพนักงานตำรวจค้นได้เข็มทิศ 1 อัน ฯลฯ ได้จากลิ้นชักตู้ของจำเลยทั้งนี้โดยจำเลยกับพวกสมคบกันลักทรัพย์ทั้งหมดนั้นมา หรือมิฉะนั้นจำเลยก็รับเอาทรัพย์ดังกล่าวแล้วไว้จากโจร โดยรู้ว่าเป็นของร้ายได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 293, 294, 321

จำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ตามฟ้องยังเข้าใจไม่ได้ว่า โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจร เมื่อวันเดือนปีใด จึงพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องโจทก์แบ่งการกล่าวหาออกเป็น 2 ระยะคือระยะแรกหาว่า ระหว่างวันที่ 6-7 พฤศจิกายน 2494 เวลาค่ำคืนจำเลยเป็นคนร้ายลักทรัพย์รายนี้ ในระยะที่ 2 คือเวลาค่ำคืนระหว่างวันที่ 6-7 พฤศจิกายน 2494 ซึ่งอยู่ในระยะเวลาที่คนร้ายลักเอาทรัพย์ไปจนถึงวันที่ 7พฤศจิกายน 2494 เวลากลางวัน ซึ่งจับของกลางได้จากโต๊ะของจำเลยนั่นเอง เป็นวันเวลาที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยได้รับของโจร ฉะนั้นฟ้องของโจทก์จึงสมบูรณ์ พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาใหม่

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ ได้มีวันเดือนปีที่หาว่าจำเลยทำผิดไว้แล้ว ดังที่ศาลอุทธรณ์ได้แยกข้อหาออกให้เห็นได้ชัดแล้วจึงพิพากษายืน

Share