คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3948/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยเดินออกจากบ้านมาตามถนนในหมู่บ้านเนื่องจากน้อยใจที่ถูกสามีดุด่า มีคนเข้ามาเตะก้นและจับแขนจำเลย จำเลยตกใจหันกลับไปพร้อมกับแกว่งมีดโต้ที่ถือมาเพื่อป้องกันตัวไป 3-4 ครั้งครั้นเมื่อได้ยินเสียงร้องจึงจำได้ว่าเป็นผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำไปเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย เป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง และการกระทำดังกล่าวพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295, 364, 365 และริบมีดของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 จำคุก 9 เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ริบมีดของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์ข้อหาทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 เสียด้วย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้องผู้เสียหายถูกจำเลยทำร้ายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย มีบาดแผลดังปรากฏตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์เอกสารหมาย จ.1 ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้มีเพียงว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายหรือไม่ โจทก์มีผู้เสียหายเบิกความสรุปเป็นใจความว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 22 นาฬิกา ขณะผู้เสียหายกำลังนอนเล่นอยู่ที่นอกชานบ้านได้ยินเสียงจำเลยทะเลาะกับสามีแล้วเดินผ่านมาทางบ้านผู้เสียหายพร้อมกับร้องตะโกนด่าสามีโคตรของสามีและพวกบ้านด่านช้างเนื่องจากผู้เสียหายเป็นคนบ้านด่านช้างด้วย จึงได้ร้องบอกจำเลยไปว่า หากจะด่าสามีก็ให้ด่าสามีเพียงคนเดียวอย่าด่ารวมถึงคนบ้านด่านช้างด้วย พอผู้เสียหายพูดจบจำเลยก็ร้องด่าผู้เสียหายแล้ววิ่งเข้ามาที่ชานเรือนของผู้เสียหาย ใช้มีดโต้ที่จำเลยถือติดมือมาด้วยฟันผู้เสียหายถูกที่เหนือคิ้วซ้ายและที่เอวด้านซ้ายผู้เสียหายวิ่งหนีไปบ้านผู้อื่น เห็นว่า หากเพียงแต่ผู้เสียหายห้ามมิให้จำเลยด่าคนบ้านด่านช้างเพียงอย่างเดียวดังผู้เสียหายเบิกความก็ไม่น่าจะเป็นเหตุให้จำเลยถึงกับตัดสินใจใช้มีดโต้ที่ถือติดมือมาตรงเข้าฟันผู้เสียหายดังที่ผู้เสียหายเบิกความ ข้อเท็จจริงน่าเชื่อตามที่จำเลยนำสืบว่า ขณะที่จำเลยเดินออกจากบ้าน เนื่องจากน้อยใจที่ถูกสามีดุด่ามาตามถนนในหมู่บ้าน มีคนเข้าเตะกัน และจับแขนจำเลย จำเลยตกใจหันกลับไปพร้อมกับแกว่งมีดโต้ที่ถือมาเพื่อป้องกันตัวไป 3-4 ครั้ง ครั้นเมื่อได้ยินเสียงร้องจึงจำได้ว่าเป็นผู้เสียหาย ประกอบทั้งผู้เสียหายเองก็เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านตอนหนึ่งว่า ในคืนเกิดเหตุก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียหายกับนายทองพูน ทองมี ได้ไปซื้อสุราที่บ้านจำเลยแล้วนำไปดื่มกันที่บ้านของผู้เสียหายดังนั้น ผู้เสียหายอาจมีอาการเมาสุราและไม่พอใจที่จำเลยด่าสามีแล้วพาดพิงมาถึงตนก็เป็นได้ จึงได้ตามไปเตะก้นและจับแขนจำเลยดังที่จำเลยนำสืบ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการกระทำอันละเมิดต่อกฎหมาย เป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงและการกระทำดังกล่าวพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิดศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน

Share