คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3944/2533

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยฎีกาหลายข้อ แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับฎีกาเฉพาะปัญหาเรื่องอายุความเท่านั้น จำเลยมิได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกา คดีจึงมีปัญหาในชั้นฎีกาแต่เพียงว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ การฟ้องคดีอาญาซึ่งผู้เสียหายมีสิทธิที่จะเรียกค่าทดแทนจากจำเลยด้วยนั้น ไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติว่าโจทก์จะต้องเรียกร้องเอาค่าทดแทนดังกล่าวมาพร้อมกัน ดังนั้น แม้โจทก์ไม่ได้เรียกค่าทดแทนในคดีอาญาอายุความฟ้องคดีแพ่งของโจทก์ต้องบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2527 จำเลยได้ใช้ไม้ท่อนตีโจทก์ที่บริเวณแขนซ้ายใต้ข้อศอกจนหัก โจทก์ได้รับอันตรายสาหัสจนถึงวันฟ้องเป็นเวลา 1 ปี ทำให้โจทก์ไม่สามารถประกอบกิจการงาน ขาดรายได้จากอาชีพรับจ้างตัดผม ค้าขายเศษยาง กรีดยาง แต่ละประเภทอาชีพปีละไม่ต่ำกว่า 18,000 บาทและต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลตลอดเวลา 1 ปี คิดเป็นเงิน10,000 บาท รวมค่าเสียหายทั้งสิ้น 64,000 บาท โจทก์ขอคิดเพียง60,000 บาท จึงขอศาลบังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์60,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ทราบวันเวลาที่จำเลยตีโจทก์ แต่โจทก์มิได้ฟ้องภายในกำหนด 1 ปี คดีโจทก์ขาดอายุความ โจทก์ไม่เคยมีอาชีพรับจ้างตัดผม หากโจทก์มีรายได้ก็ไม่เกินเดือนละ 500 บาท รายได้จากการรับซื้อเศษยางพาราก็ไม่เกินเดือนละ 1,000 บาท โจทก์ไม่เคยมีอาชีพกรีดยางและไม่มีสวนยางพารา ถ้ามีรายได้จากการกรีดยางก็มีรายได้ไม่เกินเดือนละ 1,000 บาท โจทก์ไม่ได้เสียค่ารักษาพยาบาลเพราะโจทก์รักษาแบบบุคคลอนาถา หากจะเสียค่ารักษาก็ไม่เกิน 1,000 บาทแพทย์มีความเห็นว่ารักษาบาดแผลโจทก์หายได้ภายในเวลาไม่เกิน20 วัน ขอให้ยกฟ้องโจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหาย26,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้จำเลยฎีกาหลายข้อ แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับฎีกาเฉพาะปัญหาเรื่องอายุความเท่านั้น จำเลยมิได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกา คดีจึงมีปัญหาในชั้นนี้แต่เพียงว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ซึ่งจำเลยฎีกาอ้างว่า โจทก์ไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหายมาในคดีอาญา จึงจะถือว่าคดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51วรรคสอง หาได้ไม่นั้นเห็นว่า การฟ้องคดีอาญาซึ่งผู้เสียหายมีสิทธิที่จะเรียกค่าทดแทนจากจำเลยด้วยนั้น ไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติว่าโจทก์จะต้องเรียกร้องเอาค่าทดแทนดังกล่าวมาพร้อมกันด้วย ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีของโจทก์ยังไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 วรรคสอง จึงชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share