คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 394/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยจอดรถกีดขวางการจราจร เป็นผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบกฯ มาตรา 64 ต่อมามีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 59ยกเลิกและใช้ความใหม่แทน ให้อำนาจเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่จะว่ากล่าวตักเตือนก็ได้ ดังนี้ เมื่อจำเลยได้ปฏิบัติตามคำว่ากล่าวตักเตือนของเจ้าพนักงานจราจรแล้วเห็นได้ว่ากฎหมายไม่ประสงค์เอาโทษแก่จำเลย การกระทำของจำเลยซึ่งเดิมเป็นความผิดก็ไม่เป็นความผิดอีกต่อไป จำเลยพ้นจากการเป็นผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรค 2อำนาจฟ้องของโจทก์ซึ่งฟ้องภายหลังที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวใช้บังคับ ย่อมหมดสิ้นไปในตัว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจอดรถเข็นหน้าตลาดสดเทศบาล เป็นการกีดขวางการจราจรและพูดค่าดูหมิ่นเจ้าพนักงานตำรวจที่เข้าไปตักเตือนห้ามปรามจำเลย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗มาตรา ๑๔, ๖๖ พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๘มาตรา ๑๓ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๖
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยได้ปฏิบัติตามคำว่ากล่าวตักเตือนของเจ้าพนักงานตำรวจแล้ว เมื่อเจ้าพนักงานเลือกปฏิบัติว่ากล่าวตักเตือนแล้วเจ้าพนักงานย่อมไม่มีอำนาจสอบสวนความผิดของจำเลยอีก โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และฟังไม่ได้ว่าจำเลยดูหมิ่นเจ้าพนักงาน พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยตามฟ้องทั้งสองฐานความผิด
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาฐานจอดล้อเลื่อนกีดขวางการจราจร
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อตำรวจจราจรได้เข้าไปตักเตือนจำเลยให้นำรถเข็นนั้นไปจอดที่อื่น จำเลยก็เชื่อและเข็นรถไปที่อื่นเห็นว่า จำเลยกระทำความผิดเมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๔ อันเป็นขณะที่พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๖๔ ใช้บังคับ แต่ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๘มกราคม ๒๕๑๕ ได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๙ ข้อ ๙ ออกใช้บังคับอันเป็นเวลาภายหลังการกระทำความผิด โดยให้ยกเลิกความในมาตรา ๖๔ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ และให้ใช้ความใหม่แทนซึ่งให้อำนาจเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่จะว่ากล่าวตักเตือนก็ได้ การที่จ่าสิบตำรวจเสนอว่ากล่าวตักเตือนจำเลยและจำเลยปฏิบัติตามคำว่ากล่าวตักเตือนแล้ว เป็นที่เห็นได้ว่ากฎหมายไม่ประสงค์เอาโทษแก่จำเลย ฉะนั้น การกระทำของจำเลยซึ่งเดิมเป็นความผิด ก็ไม่เป็นความผิดอีกต่อไป จำเลยจึงพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒ วรรค ๒ อำนาจฟ้องของโจทก์ (โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๑๕) ภายหลังที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวใช้บังคับ ย่อมหมดสิ้นไปในตัวที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์จึงชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share