แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าสำนักจัดให้มีการเล่นการพนันไพ่ผ่องไม่รับอนุญาตเป็นการช่วยเหลือสนับสนุนให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เป็นผู้เข้าเล่นพนัน แม้จำเลยที่ 1 รับสารภาพตามฟ้อง ก็ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐาน สมรู้หรือสนับสนุนผู้กระทำผิดตามประมวลก.ม. อาญา ม. 86 ไม่ได้ เพราะแม้ว่าประมวล ก.ม. อาญา ม.17 ให้นำบทบัญญัติในภาค 1 แห่งประมวล ก.ม. อาญา มาใช้ในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย ก็ตาม แต่ข้อความในตอนท้ายแห่ง ม. 17 นี้เองก็มีข้อยกเว้นอยู่ว่า “เว้นแต่กฎหมายนั้น ๆ จะได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น” กรณีสำหรับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเพียงผู้จัดให้มีการเล่นพนันก็ได้มี พ.ร.บ. การพนัน พ.ศ. 2478 ม. 4, 12 บัญญัติความผิดไว้เป็นอย่างอื่นชัดแจ้งแล้ว จึงเข้าข้อยกเว้นที่จะนำเอาบทบัญญัติเรื่องสนับสนุนผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 86 มาใช้ หาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันเล่นการพนันไพ่ผ่องไทยตามบัญชี ข. ท้าย พ.ร.บ. การพนัน ๆ ไม่รับอนุญาต โดยจำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าสำนักจัดให้มีการเล่น เป็นการช่วยเหลือสนับสนุนให้จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ เป็นเข้าเล่นพนัน ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. การพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘ ม. ๑๒ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๘๕ ม. ๔ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๔๙๐ ม. ๓
จำเลยทุกคนรับสารภาพ
คดีสำหรับจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ยุติเพียงศาลชั้นต้น ซึ่งศาลชั้นต้นลงโทษปรับไปแล้ว
สำหรับจำเลยที่ ๑ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์มิได้ฟ้องระบุว่าจำเลยที่ ๑ จัดให้มีขึ้นเพื่อเป็นทางนำมาซึ่งผลประโยชน์แก้จำเลยอย่างใด ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. การพนันดังที่โจทก์ฟ้องทั้งไม่เข้ากรณีเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.๘๖ แม้จำเลยที่ ๑ จะรับสารภาพก็ลงโทษไม่ได้ พิพากษายกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๑
โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนครบถ้วนแล้วว่า จำเลยที่ ๑ เป็นผู้สนับสนุนผู้กระทำผิด คือจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ศาลย่อมลงโทษจำเลยที่ ๑ ในฐานผู้สนับสนุนผู้กระทำผิดไว้ ตามประมวล ก.ม. อาญา มาตรา ๘๖
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาในข้อกฎหมายว่า พ.ร.บ. การพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘ มิได้มีบทมาตราใดบัญญัติไว้ชัดแจ้งเลยว่า ผู้สนับสนุนผู้กระทำผิดการเล่นการพนันตามบัญชี ข. ท้าย พ.ร.บ. การพนันไม่เป็นความผิดฐานเป็นผู้สมรู้หรือผู้สนับสนุนผู้กระทำผิด เพราะถ้าประสงค์จะยกเว้นไม่เอาโทษผู้สนับสนุนผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ. การพนัน ก็ต้องบัญญัติไว้ชัดแจ้งเช่นนั้น
ศาลฎีกาเห็นว่าแม้ความผิดฐานสมรู้หรือสนับสนุนผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม. ๘๖ จะใช้ได้ทั่วไปในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา ม. ๑๗ ก็ดี แต่ในตอนท้ายแห่ง ม. ๑๗ นั้นเอง มีข้อยกเว้นอยู่ว่า “เว้นแต่กฎหมายนั้น ๆ จะได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น” กรณีสำหรับจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นเพียงผู้จัดให้มีการเล่น ก็ได้มี พ.ร.บ. การพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘ ม. ๔ และม. ๑๒ บัญญัติความผิดไว้เป็นอย่างอื่นชัดเจ้งอยู่แล้ว จึงเข้าข้อยกเว้นที่จะนำเอาบทบัญญัติเรื่องสนับสนุนผู้กระผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม. ๘๖ มาใช้หาได้ไม่
พิพากษายืน