คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3939/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในคดีอาญาโจทก์มีคำขอให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันคืน หรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย แต่คำพิพากษาในคดีอาญาไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยที่ 3 และที่ 4 ต้องรับผิดชอบในทางแพ่งด้วยหรือไม่ เมื่อคำพิพากษาคดีส่วนอาญาไม่ได้วินิจฉัยในประเด็นนี้ไว้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยคืนข้าวเปลือกที่ฝากไว้ ถ้าคืนไม่ได้ ให้ชดใช้ราคาข้าวเปลือกเป็นกรณีที่โจทก์ใช้สิทธิเรียกคืนทรัพย์ที่ฝากไว้ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ ไม่ใช่เรียกร้องให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทน เมื่อจำเลยยังไม่คืนทรัพย์ที่รับฝากโจทก์มีสิทธิติดตามเรียกคืนได้ตลอดเวลาที่ทรัพย์ดังกล่าวยังเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์อยู่ ส่วนการให้ชดใช้ราคานั้นเป็นขั้นตอนที่โจทก์จะขอบังคับคดีเอาแก่จำเลยเมื่อจำเลยคืนทรัพย์ที่ฝากไม่ได้ คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่าโจทก์ทำสัญญาเช่าฉางจากจำเลยเพื่อเก็บข้าวเปลือกของโจทก์ที่รับซื้อไว้จากชาวนา โดยจำเลยรับรองว่าจะเก็บรักษาข้าวเปลือกตามชนิด จำนวน น้ำหนักมิให้เปลี่ยนแปลงหรือผิดไปจากสภาพเดิม ถ้าเกิดเสียหายสูญหายขึ้นจำเลยต้องรับผิดชอบและชดใช้ราคา โจทก์รับซื้อข้าวเปลือกพยุงราคาจากชาวนา แล้วนำเข้าเก็บในฉางของจำเลย เป็นข้าวเปลือกเจ้าและข้าวเปลือกเหนียวรวมจำนวนทั้งสิ้น 1,081,468.08 กิโลกรัมต่อมาโจทก์สั่งให้จำเลยจ่ายข้าวเปลือกดังกล่าวบางส่วนออกจากฉางส่งมอบให้แก่ฉางและโรงสีที่ได้รับมอบหมายจากโจทก์เพื่อนำไปแปรสภาพเป็นข้าวเปลือกชนิดต่าง ๆ หลายคราว เมื่อครบกำหนดสัญญาโจทก์ตรวจสอบพบว่าข้าวเปลือกของโจทก์ชนิดต่าง ๆ เมื่อหักข้าวเปลือกที่ยุบตัวตามสภาพแล้วข้าวเปลือกขาดไปจากฉางของจำเลย ซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์ โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยชดใช้ราคาข้าวเปลือกที่ขาดหายไปหลายครั้ง แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยคืนข้าวเปลือกให้แก่โจทก์ หากจำเลยคืนข้าวเปลือกชนิดต่าง ๆ ไม่ได้ ให้จำเลยชำระราคาข้าวเปลือกชนิดต่าง ๆรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 294,663.51 บาท แก่โจทก์ และให้จำเลยชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้ให้แก่โจทก์เสร็จสิ้น
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1074/2528 ของศาลชั้นต้น และคดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้องค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า โจทก์มาฟ้องให้จำเลยรับผิดทางแพ่งคดีนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำแต่คดีโจทก์ขาดอายุความพิพากษายืนค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาแรกที่ว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1704/2528 ของศาลชั้นต้นดังที่จำเลยแก้ฎีกาหรือไม่ เห็นว่า แม้ในคดีอาญาดังกล่าวพนักงานอัยการโจทก์มีคำขอมาด้วยว่า ให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายด้วยก็ตาม แต่คำพิพากษาในคดีอาญาไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยที่ 3 และที่ 4 ในคดีดังกล่าวต้องรับผิดในทางแพ่งด้วยหรือไม่ เมื่อคำพิพากษาคดีส่วนอาญาไม่ได้วินิจฉัยประเด็นนี้ไว้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ข้อต่อสู้จำเลยจึงฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต่อไปที่ว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่นั้นศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยคืนข้าวเปลือกที่ฝากไว้ถ้าคืนไม่ได้ให้ชดใช้ราคาข้าวเปลือก เป็นกรณีที่โจทก์ใช้สิทธิเรียกคืนทรัพย์ที่ฝากไว้ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ ไม่ใช่เรียกร้องให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทน ดังนั้นเมื่อจำเลยยังไม่คืนทรัพย์ที่รับฝาก โจทก์ก็มีสิทธิติดตามเรียกคืนได้ตลอดเวลาที่ทรัพย์ดังกล่าวยังเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์อยู่ ส่วนการให้ชดใช้ราคานั้นเป็นขั้นตอนที่โจทก์จะขอบังคับคดีเอาแก่จำเลยเมื่อจำเลยคืนทรัพย์ที่ฝากไม่ได้เท่านั้น คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความนั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
ส่วนปัญหาที่โจทก์ฎีกามาด้วยว่า จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ตามที่ปรากฏในฎีกาโจทก์ข้อ 2.3 นั้น เนื่องจากศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นนี้มาและเห็นสมควรให้มีการวินิจฉัยไปตามลำดับชั้นศาล จึงให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นดังกล่าวแล้วมีคำพิพากษาใหม่ต่อไป”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1ในส่วนที่วินิจฉัยเรื่องอายุความ และให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นที่ว่าจำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ เพียงใดแล้วมีคำพิพากษาตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share