คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3926/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยรับเก็บสินค้าไว้เพื่อประโยชน์ของกรมศุลกากรในการเรียกเก็บภาษีเท่านั้น จำเลยจึงมิใช่นายคลังสินค้าตาม ป.พ.พ. มาตรา 770เมื่อสินค้าเกิดเสียหายจึงไม่อาจนำบทบัญญัติอันว่าด้วยการรับขนตาม ป.พ.พ. มาตรา 772 ประกอบด้วยมาตรา 616 มาใช้บังคับ จำเลยจะไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมฝากทรัพย์เว้นแต่จะฝากเกิน3 วัน จำเลยจึงจะคิดค่าธรรมเนียมจากเจ้าของสินค้าเพิ่มขึ้นทุกวันเพื่อเป็นการลงโทษให้เจ้าของสินค้ารีบนำสินค้าออกไป การที่จำเลยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมฝากทรัพย์เมื่อเกินกำหนด 3 วัน นับแต่เจ้าของสินค้านำสินค้าเข้าไว้ในโรงพักสินค้า และเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นทุกวันนั้น โดยพฤติการณ์พึงคาดหมายได้ว่าจำเลยรับฝากทรัพย์เพื่อที่จะได้รับบำเหน็จค่าฝากทรัพย์เท่านั้น จึงถือได้ว่าจำเลยรับฝากทรัพย์โดยมีบำเหน็จค่าฝาก ไม่ปรากฏว่าเกิดเพลิงไหม้สินค้าในโรงพักสินค้าเพราะเหตุใดสันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากความสะเพร่า ของบุคคลที่ทิ้งบุหรี่หรืออย่างอื่นจำเลยได้ออกระเบียบเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ มีหน่วยรักษาความปลอดภัยอยู่ภายนอกตลอดเวลา 24 ชั่วโมง มีอุปกรณ์เคมีในการดับเพลิง มีคำสั่งห้ามสูบบุหรี่ภายในโรงพักสินค้า เมื่อเกิดเพลิงไหม้แล้ว ยามสายตรวจของจำเลยก็ได้วิทยุแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ มีรถดับเพลิงมาช่วย แต่ไม่อาจดับเพลิงได้ทันท่วงที เพราะเป็นเวลาปิดโรงพักสินค้าแล้ว เจ้าหน้าที่ของจำเลยไม่อาจเปิดประตูโรงพักสินค้าได้โดยลำพังจะต้องให้เจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรร่วมเปิดด้วย จึงไม่อาจดับเพลิงถึงต้นเพลิง หรือสกัดเพลิงที่กำลังลุกไหม้ในโรงพักสินค้าได้ ดังนี้ถือได้ว่าจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเพื่อสงวนทรัพย์สินนั้นเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงประพฤติโดยพฤติการณ์ ตาม ป.พ.พ. มาตรา659 วรรคสอง แล้ว จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นนายคลังสินค้า ไม่ใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเท่าที่เป็นธรรมดาจะต้องใช้ในกิจการรับเก็บของในคลังสินค้าให้เพียงพอ ทำให้เกิดเพลิงไหม้สินค้าเสียหาย โจทก์ผู้รับประกันภัยได้ชำระค่าเสียหายและรับช่วงสิทธิเป็นเงิน11,020,538.12 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า าำจเลยไม่ได้รับฝากสินค้าในฐานะที่เป็นคลังสินค้า แต่รับฝากเพื่อความสะดวกของพ่อค้า หากผู้ฝากสินค้านำสินค้าออกจากโรงเก็บสินค้าภายใน 3 วัน ก็ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการที่เกิดเพลิงไหม้เป็นอุบัติเหตุและเหตุสุดวิสัย จำเลยป้องกันดูแลอย่างดีแล้ว ไม่ได้เกิดจากความประมาทของจำเลยขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลำีกาวินิจฉัยว่า “คดีคงมีปัญหาวินิจแัยตามฎีกาของโจทก์ข้อแรกว่า การดำเนินธุรกิจรับฝากสินค้าของจำเลยถือได้ว่าเป็นการรับเก็บของในคลังสินค้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 770หรือไม่… ศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 770บัญญัติว่า “อันว่านายคลังสินค้านั้น คือบุคคลผู้รับทำการเก็บรักษาสินค้าเพื่อบำเหน็จเป็นทางค้าปกติของตน” ตามคำเบิกความของนายชาญ พินิจประภา พยานจำเลยได้ความว่า บริษัทเรือนนำสินค้าเข้าเก็บในโรงพักสินค้า 12 ของจำเลย เพื่อรอเจ้าพนักงานศุลกากรเรียกเก็บภาษี ซึ่งนายบุญดี ภู่พกสกุล พยานโจทก์ ก็เบิกความยอมรับนอกจานี้ยังได้ความจากนายชาญพยานจำเลยต่อไปว่า จำเลยไม่ได้เรียกค่าธรรมเนียมใด ๆ จากการนำสินค้าเข้าพักในโรงเก็บสินค้าเว้นแต่กรณีที่เจ้าของสินค้าไม่มารับสินค้าภายใน 3 วัน จำเลยจึงจะคิดค่าธรรมเนียมจากเจ้าของสินค้าเพิ่มขึ้นทุกวัน เป็นการลงโทษเพื่อให้เจ้าของสินค้ารีบนำสินค้าออกไป เพราะจำเลยจะต้องใช้พื้นที่ในการรับสินค้าจากเรือลำอื่น แสดงว่าจำเลยไม่ประสงค์จะให้มีการเก็บสินค้าไว้ในดรงพักสินค้าเป้นเวลานานวันเพื่อหารายได้อันเป็นประโยชน์ในทางการค้า นอกจากนี้นายชาญยังเบิกความว่าเมื่อผุ้ฝากสินค้าไม่มารับสินค้า และกรมศุลกากรได้ยึดและให้สินค้านั้นเป็นของรัฐบาลหรือองค์การกุศลต่าง ๆ จำเลยจะไม่ได้รับค่าฝากเลย ทำให้เห็นได้ชัดว่า จำเลยรับฝากสินค้าในโรงเก็บสินค้าโดยมิได้ประสงค์จะคิดค่าฝากแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยรับเก็บสินค้าไว้เพื่อประโยชน์ของกรมศุลกากรในการเรียกเก็บภาษีเท่านั้น จำเลยจึงมิใช่นายคลังสินค้าตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว เมื่อสินค้าเกิดเสียหายขึ้น จึงไม่อาจนำบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว เมื่อสินค้าเกิดเสียหายขึ้น จึงไม่อาจนำบทบัญญัติอันว่าด้วยการรับขนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 772 ประกอบด้วยมาตรา 616 มาใช้บังคับแก่จำเลยได้ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาข้อที่สองของโจทก์มีว่า จำเลยจะต้องรับผิดชำระเงินให้โจทก์สำหรับค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์ได้ชำระให้แก่ผู้เอาประกันภัยไปแล้วหรือไม่ พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเมื่อเจ้าของสินค้านำสินค้าเข้าไว้ในโรงพักสินค้าเพื่อเสียภาษีศุลกากรนั้น จำเลยจะไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมฝากทรัพย์ เว้นแต่จะเกิน 3 วัน หากเจ้าของสินค้าไม่มารับสินค้าภายใน 3 วัน จำเลยจะคิดค่าธรรมเนียมจากเจ้าของสินค้าเพิ่มขึ้นทุกวัน เพื่อเป็นการลงโทษให้เจ้าของสินค้ารีบนำสินค้าออกไป เพราะว่าจำเลยจะต้องใช้พื้นที่ในการรับสินค้าจากเรือลำอื่น เห็นว่าการที่จำเลยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมฝากทรัพย์เมื่อเกินกำหนด 3 วัน นับแต่เจ้าของสินค้านำสินค้าเข้าไว้ในโรงพักสินค้าและเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นทุกวันนั้น โดยพฤติการณ์พึงคาดหมายได้ว่าจำเลยรับฝากทรัพย์เพื่อจะได้รับบำเหน็จค่าฝากทรัพย์เท่านั้นจึงถือได้ว่า จำเลยรับฝากทรัพย์โยมีบำเหน็จค่าฝาก กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 659 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า”ถ้าการรับฝากทรัพย์นั้นมีบำเหน็จค่าฝาก ท่านว่าผู้รับฝากจำต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเพื่อสงวนทรัพย์สินนั้นเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงประพฤติโดยพฤติกาณ์ดั่งนั้น ทั้งนี้ ย่อมรวมทั้งการใช้ฝีมือพิเศษเฉพาะการในที่จะพึงใช้ฝีมือเช่นนั้นด้วย” สำหรับกรณีเรื่องนี้จากหลักฐานพยานโจทก์และจำเลยที่นำสืบมาไม่ปรากฏว่าเกิดเพลิงไหม้เพราะเหตุใด คงมีแต่ร้อยตำรวจเอกธานินทร์ อมาตยกุลพยานโจทก์ซึ่งรับราชการที่กองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ เบิกความว่าได้ไปตรวจที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าอาคารที่เกิดเหตุเป็นคอนกรีตติดไฟยาก จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังของโรงพักสินค้า บริเวณนั้นไม่มีสายไฟฟ้า และซากวัตถุเคมีไวไฟสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากความสะเพร่าของบุคคลที่ทิ้งบุหรี่หรืออย่างอื่น เห็นว่าตามคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกธานินทร์ ก้ไม่แน่ชัดว่าเพลิงไหม้เพราะเหตุใด ในเรื่องเกี่ยวกับความระมัดระวังในการเก็บสินค้านั้น นายชาญพินิจประภา พยานจำเลยเบิกความฟังได้ว่า จำเลยได้ออกระเบียบเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย การใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆตามเอกสารหมาย ล.1 โรงพักสินค้าที่เกิดเหตุ โครงสร้างหลังคาทำด้วยโลหะทั้งหมด กั้นด้วยอิฐบล๊อก มีประตูกั้นปิดเปิดหนาแน่นเมื่อปิดประตูแล้วคนภายนอกจะเข้าไปไม่ได้ เพราะจะปิดกุญแจไว้2 ดอก คือของกรมศุลกากร 1 ดอก และของจำเลย 1 ดอก และจำเลยมีหน่วยรักษาความปลอดภัยอยู่ภายนอกตลอดเวลา 24 ชั่วโมง กับมีนายฉลวย โตสวัสดิ์ พยานจำเลยทำหน้าที่ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกโรงพักสินค้าที่เกิดเหตุ เบิกความว่า การดูแลรักษาความปลอดภัยโรงพักสินค้านั้น ถ้าในเวลาราชการจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลภายในโรงพักสินค้าด้วยส่วนภายนอกจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงและมีอุปกรณ์เคมีในการดับเพลิงไว้ในโรงพักสินค้าจำนวน 10 เครื่องกับมีท่อสูบน้ำสำหรับดับเพลิงด้วย นอกจากนั้นยังมีคำสั่งห้ามสูบบุหรี่ภายในโรงพักสินค้าอีก ศาลฎีกาเห็นว่า คำเบิกความของพยานจำเลยดังกล่าวไม่มีพิรุธอันใด รับฟังข้อเท็จจริงตามคำเบิกความได้เป็นอย่างดี และพยานจำเลยทั้งสองปากยังเบิกความต้องกันว่าจำเลยได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนสาเหตุที่เกิดเพลิงไหม้แล้ว ผลการสอบสวนไม่ทราบว่าเพลิงไหม้เพราะเหตุใด แต่ไม่ได้ความว่าเกิดจากความประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่ของดจำเลย ได้พิเคราะห์รายงานของคณะกรรมการสอบสวนเรื่องผลการศึกษาเหตุเพลิงไหม้ที่โรงพักสินค้า12 ลงวันที่ 15 กันยายน 2525 ที่โจทก์อ้างแล้ว (เอกสารอันดับที่29/5 ในสำนวน) ปรากฏว่าเมื่อมีการขนสินค้ารเข้าในโรงวพักสินค้าแล้วประมาณเวลา 17 นาฬิกาเศษ เจ้าหน้าที่ของจำเลยและกรมศุลกากรได้ร่วมกันปิดประตูโรงพักสินค้าตามระเบียบ เมื่อเกิดเพลิงไหม้แล้วยามสายตรวจของจำเลยก็ได้วิทยุแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบมีรถดับเพลิง 2 คันของการปิโตรเลียมและรถดับเพลิงของเจ้าหน้าที่ตำรวจท่าเรือมาช่วยดับเพลิง แต่ไม่อาจดับเพลิงได้ทันท่วงทีเพราะเป็นเวลาปิดโรงพักสินค้าแล้ว เจ้าหน้าที่ของจำเลยจึงไม่อาจเปิดประตูโรงพักสินค้าที่เกิดเหตุได้โดยลำพัง จะต้องหใ้เจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรร่วมเปิดด้วย จึงไม่อาจดับเพลิงถึงต้นเพลิง หรือสกัดเพลิงที่กำลังลุกไหม้ในโรงพักสินค้าได้ จากข้อเท็จจริงดังกล่าวศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้ใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเพื่อสงวนทรัพย์สินนั้นเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงประพฤติโดยพฤติการณ์ดั่งนั้น ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวแล้ว จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของโจทก์อีกต่อไป คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share