คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3922/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไม้แปรรูปของกลางแม้จำเลยจะได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายก็ตามแต่จำเลยมีไม้แปรรูปของกลางนั้นไว้ในครอบครองเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม้แปรรูปของกลางจึงเป็นไม้ที่จำเลยมีไว้เนื่องจากการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ซึ่งเป็นของที่ต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้จำเลยตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ กับจำเลยได้มีไม้หวงห้ามประเภท ก. ที่แปรรูปแล้ว ซึ่งจำเลยได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายไว้ในครอบครองเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 7, 48, 50, 73, 74 ทวิ, 74 จัตวา พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 18 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 116พ.ศ. 2515 ข้อ 6 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา7, 19, 28 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2522 มาตรา 9พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2525 มาตรา 4พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2530 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 252มาตรา 4 ริบของกลาง และจ่ายสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯมาตรา 7, 48, 50, 73, 74 ทวิ, 74 จัตวา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี ปรับ10,000 บาท ฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 2 ปี ปรับ30,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี ปรับ 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ของกลางริบไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 จ่ายสินบนนำจับแก่ผู้นำจับกึ่งค่าปรับ
จำเลยอุทธรณ์ขอไม่ให้ริบไม้ของกลาง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยเพียงว่า ศาลมีอำนาจสั่งริบไม้ของกลางหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้ไม้ของกลางมาโดยชอบด้วยกฎหมาย และเข้าใจว่าจะนำไปประกอบการใด ๆก็ได้โดยไม่จำต้องขออนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้อีก ความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเกิดขึ้นภายหลัง ไม้ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์ที่จำเลยมีไว้เป็นความผิดหรือได้ใช้ในการกระทำผิด หรือได้มาโดยการกระทำผิด ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งริบนั้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้จำเลยจะได้ไม้แปรรูปของกลางมาโดยชอบด้วยกฎหมายก็ตาม แต่การมีไม้ไว้ในครอบครองของจำเลยดังกล่าวเป็นการมีไว้เพื่อการค้า กรณีจึงไม่เข้าข้อยกเว้นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาตรา 50(3) การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดตามมาตรา 48 ไม้แปรรูปของกลางจึงเป็นไม้ที่จำเลยมีไว้เนื่องจากการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ซึ่งเป็นของต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาตรา 74 แม้โจทก์ไม่ได้อ้างมาตรา 74 แต่ก็ได้มีคำขอให้ริบไม้ของกลางมาแล้ว ศาลจึงมีอำนาจริบได้ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share