แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกัน ให้ลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่รับอนุญาต กระทงหนึ่ง จำคุก 5ปี กับฐานมีไม้หวงห้ามแปรรูปโดยไม่รับอนุญาต จำคุก 5 ปีอีกกระทงหนึ่ง คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลยฎีกาว่าพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟังและเชื่อถือได้ว่าจำเลย กระทำความผิด เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามโดยบทกฎหมายดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามกับพวกร่วมกันตั้งโรงงานแปรรูปไม้หวงห้ามเพื่อการค้า และร่วมกันมีไม้หวงห้ามแปรรูปประเภท ก. รวมปริมาตร240.809 ลูกบาศก์เมตร ไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73, 74, 74 ทวิ ฯลฯและริบของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 17 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 19 ฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้ จำคุกจำเลยที่ 1 5 ปี จำคุกจำเลยที่ 3 1 ปี ฐานมีไม้หวงห้ามแปรรูป จำคุกจำเลยที่ 1 5 ปี จำคุกจำเลยที่ 3 1 ปี รวมลงโทษจำเลยที่ 1 10 ปี จำเลยที่ 3 2 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ริบของกลาง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกัน ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่รับอนุญาตกระทงหนึ่ง จำคุก 5 ปี กับมีไม้หวงห้ามแปรรูปโดยไม่รับอนุญาต จำคุก 5 ปีอีกกระทงหนึ่ง ซึ่งการกระทำของจำเลยที่ 1 แต่ละกระทงศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คงให้จำคุกแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี เป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟังและเชื่อถือได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิด เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาโดยบทกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 ไว้จึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 1