คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3909/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวอ้างว่า ทนายจำเลยเดินทางจากกรุงเทพมหานครมาศาลโดยรถยนต์โดยสารประจำทางระหว่างการเดินทางรถยนต์โดยสารได้เฉี่ยวชนกับรถยนต์คันอื่นทำให้เสียเวลาในการเดินทางเป็นเหตุให้มาซักค้านพยานโจทก์ไม่ทัน ซึ่งตามรูปคดีถ้าหากจำเลยมีโอกาสซักค้านพยานโจทก์ จำเลยก็มีทางจะชนะคดีโจทก์ได้ คำร้องดังกล่าวในตอนแรกกล่าวถึงเหตุที่ทนายจำเลยมาศาลไม่ทันกำหนดเวลานัดถ้ามาทันก็จะสามารถซักค้านพยานโจทก์ได้ ส่วนในตอนหลังคำร้องกล่าวว่า รูปคดีถ้าหากจำเลยมีโอกาสได้ซักค้านพยานโจทก์ จำเลยก็มีทางที่จะชนะคดีได้ ไม่มีข้อความตอนใดที่กล่าวคัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ว่าไม่ชอบอย่างไรและหากได้พิจารณาใหม่แล้ว จำเลยจะชนะคดีอย่างไร การกล่าวเพียงว่าถ้าได้ซักค้านพยานโจทก์ จำเลยอาจชนะคดี ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา208 วรรคสอง ปัญหานี้เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยซึ่งขาดนัดพิจารณาชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียม
จำเลยยื่นคำร้องว่า ทนายจำเลยเดินทางจากกรุงเทพมหานครมาศาลโดยรถยนต์โดยสารประจำทาง ระหว่างการเดินทางรถยนต์โดยสารประจำทางคันดังกล่าวได้เฉี่ยวชนกับรถยนต์คันอื่นทำให้เสียเวลาในการเดินทางเป็นเหตุให้มาซักค้านพยานโจทก์ไม่ทัน ซึ่งตามรูปคดีถ้าหากจำเลยมีโอกาสซักค้านพยานโจทก์ จำเลยก็มีทางที่จะชนะคดีได้จึงขอให้ศาลพิจารณาใหม่
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ทนายจำเลยไม่ได้เดินทางมากับรถยนต์โดยสารประจำทางดังที่อ้าง เหตุที่ทำให้ทนายจำเลยเดินทางมาศาลล่าช้าไม่ใช่เหตุสุดวิสัยหรือจำเป็นอย่างยิ่งแต่อย่างใด ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในฐานะส่วนตัวไม่ใช่ฐานะจำเลยจึงไม่มีอำนาจที่จะกระทำได้ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาใหม่ โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง หรือไม่ และศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีอำนาจที่จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เองหรือไม่ ปรากฏว่าคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวอ้างว่า ทนายจำเลยเดินทางจากกรุงเทพมหานครมาศาลโดยรถยนต์โดยสารประจำทาง ระหว่างการเดินทางรถยนต์โดยสารคันดังกล่าวได้เฉี่ยวชนกับรถยนต์คันอื่นทำให้เสียเวลาในการเดินทางเป็นเหตุให้มาซักค้านพยานโจทก์ไม่ทัน ซึ่งตามรูปคดีถ้าหากจำเลยมีโอกาสซักค้านพยานโจทก์จำเลยก็มีทางจะชนะคดีโจทก์ได้ เห็นว่าคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยในตอนแรกกล่าวถึงเหตุที่ทนายจำเลยมาศาลไม่ทันกำหนดเวลานัด ถ้ามาทันก็จะสามารถซักค้านพยานโจทก์ได้ส่วนในตอนหลังคำร้องกล่าวว่า รูปคดีถ้าหากจำเลยมีโอกาสได้ซักค้านพยานโจทก์ จำเลยก็มีทางที่จะชนะคดีได้คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยไม่มีข้อความตอนใดที่กล่าวคัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ว่าไม่ชอบอย่างไรและหากได้พิจารณาใหม่แล้ว จำเลยจะชนะคดีอย่างไร การกล่าวเพียงว่าถ้าได้ซักค้านพยานโจทก์ จำเลยอาจชนะคดี ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสองปัญหานี้เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง”
พิพากษายืน

Share