แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีล้มละลายคดีก่อน เมื่อศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ก่อนล้มละลายของจำเลยที่ 2 นับแต่วันดังกล่าว คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเป็นอันถูกยกเลิกไป การที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 2 ล้มละลายเป็นคดีนี้ในมูลหนี้ ที่เกิดขึ้นภายหลังศาลเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้แล้ว จนกระทั่งต่อมาศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 2 เด็ดขาด จึงเป็นกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ขัดต่อ พ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 15 แต่อย่างใด
การที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 2 เด็ดขาดในคดีนี้ในระหว่างที่จำเลยที่ 2 ผ่อนชำระหนี้ในการประนอมหนี้ก่อนล้มละลายในคดีก่อนทำให้จำเลยที่ 2 ไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ต่อไปได้ เจ้าหนี้ของจำเลยที่ 2 ที่ขอรับชำระหนี้ไว้แล้วในคดีก่อนย่อมมีสิทธิได้รับชำระหนี้ในคดีนี้โดยแจ้งความประสงค์ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีนี้ทราบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาดตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยหักจากกองทรัพย์สินของจำเลยทั้งสอง สำหรับค่าทนายความให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดตามที่เห็นสมควร
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีล้มละลายพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ระหว่างพิจารณาคดีของศาลฎีกา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหนังสือแจ้งว่าจำเลยที่ 2 เป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีล้มละลายของศาลแพ่งธนบุรีหมายเลขแดงที่ ล. 244/2534 ซึ่งศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2535 ต่อมาลูกหนี้ผิดนัดตามเงื่อนไขในคำขอประนอมหนี้ ศาลมีคำสั่งยกเลิกการประนอมหนี้และพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ขอให้มีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ออกจากสารบบความตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 15 แก่โจทก์ในคดีนี้ได้ทั้งหมด โจทก์ไม่เคยส่งพนักงานของโจทก์ไปตรวจสอบทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองแต่อย่างใด นอกจากนี้หลังจากจำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินจากโจทก์ดังกล่าวแล้วได้ผ่อนชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์หลายครั้ง รวมเป็นเงินประมาณ 2,000,000 บาท ปัจจุบันจำเลยที่ 1 ยังดำเนินกิจการโดยได้ชำระภาษีปีละประมาณ 1,000,000 บาท จำเลยที่ 2 ไม่เคยหลบหนีออกจากเคหสถานที่เคยอยู่ จำเลยทั้งสองมิได้เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในคดีล้มละลายของศาลแพ่งธนบุรีหมายเลขแดงที่ ล. 244/2534 ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 2 เด็ดขาดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2534 และเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ก่อนล้มละลายเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2535 นับแต่วันดังกล่าวคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเป็นอันถูกยกเลิกไป การที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 2 ล้มละลายเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2539 ในมูลหนี้ที่เกิดขึ้นภายหลังศาลเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้แล้ว จนกระทั่งต่อมาศาลในคดีนี้ได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 2 เด็ดขาดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2541 และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมายไม่ขัดต่อ พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 15 แต่อย่างใด ศาลฎีกาจึงไม่อาจสั่งจำหน่ายคดีตามคำขอของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ การที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 2 เด็ดขาดในคดีนี้นั้นก็มีผลให้จำเลยที่ 2 ไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ในการประนอมหนี้ก่อนล้มละลายในคดีหมายเลขแดงที่ ล. 244/2534 ของศาลแพ่งธนบุรีได้ เจ้าหนี้ของจำเลยที่ 2 ที่ขอรับชำระหนี้ไว้แล้วในคดีดังกล่าวย่อมมีสิทธิได้รับชำระหนี้ในคดีนี้โดยแจ้งความประสงค์ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีนี้ทราบ
พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลที่เรียกเก็บเกินมาในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาจำนวน 300 บาท แก่กองทรัพย์สินของจำเลยทั้งสอง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่ศาลสั่งคืนให้เป็นพับ .