คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3905/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

นายอำเภอมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คชก.) ตำบลในเขตท้องที่ ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 14(2) การที่จำเลยในฐานะนายอำเภอทำหนังสือถึงประธาน คชก.ตำบล แจ้งว่า โจทก์กับเจ้าของที่นาได้ตกลงยอมความในเรื่องที่นาพิพาทต่อหน้าศาลแล้วขอให้สั่งโจทก์ออกไปจากที่นาและห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไปนั้น เป็นเรื่องที่จำเลยมีหนังสือถึงประธาน คชก.ตำบล โดยตรง และข้อความในหนังสือก็เป็นการกล่าวถึงการดำเนินกระบวนพิจารณาที่เกิดขึ้นในศาลตามความเป็นจริงโดยสุจริต อันเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของ คชก.ตำบล ให้เป็นไปโดยถูกต้องเท่านั้นแม้ความจริงจะไม่ใช่กรณีที่ศาลมีคำพิพากษาตามยอมระหว่างโจทก์กับเจ้าของที่นา ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อกระทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นละเมิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้เช่านาจาก พ. ตามพระราชบัญญัติการเช่านาเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 จำเลยในฐานะนายอำเภอมีหนังสือถึงประธาน คชก.ตำบล มีข้อความว่า ให้โจทก์คืนนาที่เช่าแก่ พ.โดยอ้างรายงานกระบวนพิจารณาของศาลในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1121/2525ของศาลชั้นต้น โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของ คชก.ตำบล และคำสั่งของจำเลยต่อ คชก.จังหวัดแล้ว โจทก์ไม่อาจเข้าทำนาในที่นาพิพาทการกระทำของจำเลยเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำละเมิดต่อโจทก์ขอให้จำเลยชำระค่าเสียหาย จำเลยให้การว่า คชก.ตำบล เป็นผู้ออกคำสั่งให้โจทก์ออกจากที่นามิใช่จำเลย ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน แล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 14(2) บัญญัติว่า ให้นายอำเภอมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของ คชก.ตำบลในเขตท้องที่ ดังนั้นการที่จำเลยซึ่งเป็นนายอำเภอท้องที่มีหนังสือตามเอกสารหมาย จ.8ไปถึงประธาน คชก.ตำบลบ่อตาโล่ โดยมีข้อความว่า ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งตามยอมในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 563/2525 หมายเลขแดงที่1121/2525 ซึ่งคดีดังกล่าวโจทก์จำเลยได้ตกลงยอมความกันต่อหน้าศาลโดยนางสาวพยงค์แถลงว่ายินยอมให้โจทก์ทำนาในนาพิพาทได้อีก2 ปี นับแต่ปีนี้ ซึ่งบัดนี้ครบ 2 ปี ตามข้อตกลงแล้ว โจทก์ต้องคืนนาให้เจ้าของเช่นนี้ เห็นได้ว่าข้อความในหนังสือเอกสารหมาย จ.8ได้กล่าวถึงการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลที่เกิดขึ้นในศาลตามความเป็นจริงว่าโจทก์และจำเลยได้ตกลงยอมความกันต่อหน้าศาล แม้ตอนท้ายของหนังสือดังกล่าวจะมีข้อความว่า จึงเรียนมาเพื่อทราบ และให้ท่านสั่งโจทก์คืนนาให้นางสาวพยงค์เจ้าของนาไป และห้ามโจทก์เกี่ยวข้องกับนาที่เช่าอีกต่อไปนั้น ก็เป็นเรื่องที่จำเลยมีหนังสือถึงประธานคชก.ตำบลบ่อตาโล่โดยตรง มิได้มีหนังสือถึงโจทก์แต่อย่างใดทั้งการที่จำเลยมีหนังสือดังกล่าวถึงประธาน คชก.ตำบลบ่อตาโล่ก็เป็นเพราะ คชก.ตำบลบ่อตาโล่กำลังจะพิจารณาชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับนางสาวพยงค์อยู่ด้วย แสดงว่า จำเลยมีเจตนาที่จะแจ้งให้ประธาน คชก.ตำบลบ่อตาโล่ทราบว่า โจทก์และนางสาวพยงค์ได้ตกลงเรื่องดังกล่าวกันต่อหน้าศาลมาแล้ว อันเป็นการที่จำเลยในฐานะนายอำเภอใช้อำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของคชก.ตำบลในเขตท้องที่ให้เป็นไปโดยถูกต้องเท่านั้น แม้ความจริงจะมิใช่กรณีที่ศาลมีคำพิพากษาตามยอมระหว่างโจทก์กับนางสาวพยงค์ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อกระทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมาย แต่น่าเชื่อว่าจำเลยทำหนังสือตามเอกสารหมาย จ.8 ขึ้นโดยสุจริต การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นละเมิด”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share