แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์ยินยอมอนุญาตให้รั้วของจำเลยยังคงรุกล้ำที่ดินของโจทก์อยู่ได้ต่อไปนั้น  จำเลยจะอ้างการครอบครองปกปักษ์ขึ้นเป็นข้อต่อสู้กรรมสิทธิ์ในที่ดินต่อโจทก์หาได้ไม่  และเมื่อใดโจทก์ไม่มีความประสงค์จะให้รั้วของจำเลยคงอยู่ในที่ดินของโจทก์ต่อไปแล้ว  โจทก์ก็ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยรื้อถอนรั้วออกไปจากที่ดินของโจทก์ได้ทันที  หาจำต้องบอกกล่าวแก่จำเลยก่อนฟ้องไม่
โจทก์ฟ้องให้จำเลรื้อรั้วที่อนุญาตให้สร้งอยู่ในที่ดินของโจทก์ออกไป  จำเลยรับสำเนาฟ้องแล้วไม่ยอมรื้อรั้วกลับต่อสู้คดี  ดังนี้  ถือว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์นับแต่วันรับสำเนาฟ้องเป็นต้นไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า  จำเลยได้ทำรั้วเขตรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศใต้  เนื้อที่ประมาณ ๘ ตารางวา  โจทก์ได้ว่ากล่าวให้จำเลยรื้อถอนแล้ว  จำเลยก็เพิกเฉย  จึงขอเรียกค่าเสียหายที่ไม่ได้ใช้ที่ดินที่จำเลยรุกล้ำเป็นเวลา ๘ ปี  เป็นเงิน ๑,๖๐๐ บาท  และให้จำเลยรื้อรั้วออกไปจากที่ดินโจทก์
จำเลยให้การว่า  โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง  ฟ้องเคลือบคลุม  ที่ดินของโจทก์นั้น  เดิมเป็นของสามีจำเลย  สามีจำเลยยกให้โจทก์โดยเสน่ห์หา  และยกให้สามีจำเลยได้ทำรั้วเข้าไปในที่ดินประมาณ ๖ ตารางวาขึ้นไว้ก่อนจะยกให้โจทก์แล้ว  โจทก์ก็ทราบดีว่าเป็นทางเดินติดรั้วเขตรั้วที่สามีจำเลยทำไว้ก่อนก็ไม่ทักท้วงประการใด  โจทก์ไม่เคยว่ากล่าวให้จำเลยหรือสามีจำเลยรื้อถอนแต่อย่างใด  ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อรั้วรายพิพาทออกไปเสียจากที่ดินโจทก์  ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายนับแต่วันรับสำเนาฟ้องจนกว่าจำเลยจะรื้อรั้วออกไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า  จำเลยทำรั้วรายพิพาทขึ้นด้วยความยินยอมของโจทก์จึงไม่เป็นการละเมิด และโจทก์ไม่เคยบอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนรั้วเลย  โจทก์จึงจะมาฟ้องจำเลยฐานละเมิดทีเดียวไม่ได้  พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า  เดิมที่ดินเป็นของสามีจำเลยทั้งแปลง  ต่อมาสามีจำเลยยกให้โจทก์กับพวกรวม ๖ คนมีชื่อร่วมกันครึ่งหนึ่ง  ในวันเดียวกันนั้นพวกที่มีชื่อร่วมกับโจทก์ก็โอนให้โจทก์เป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวตลอดมาจนบัดนี้ รั้วพิพาทนี้จำเลยกับสามีได้ทำขึ้นก่อนที่จะมีการแบ่งแยกโฉนดจริงดังศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังมา  ครั้นเมื่อมีการแบ่งแยกโฉนดมาเป็นส่วนของโจทก์แล้ว  รั้วก็ยังคงอยู่ต่อมาในส่วนแบ่งที่เป็นของโจทก์โดยยังไม่ได้มีการรื้อถอน  โจทก์และสามีจำเลยเป็นพี่น้องอยู่ใกล้ชิดติดกันยังไม่มีเรื่องพิพาทกันขึ้น  พฤติการณ์จึงฟังได้โดยปริยายว่า  โจทก์ยินยอมอนุญาตให้รั้วของจำเลยคงอาศัยปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์ได้ต่อไป  กรณีเช่นนี้จำเลยจะอ้างการครอบครองปรปักษ์ขึ้นเป็นข้อต่อสู้กรรมสิทธิ์ในที่ดินต่อโจทก์หาได้ไม่  และกรณีนี้เป็นเรื่องยินยอมอนุญาตให้รั้วปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์ได้  ฉะนั้น  เมื่อใดโจทก์ไม่มีความประสงค์จะให้รั้วของจำเลยคงอยู่ในที่ดินของโจทก์ต่อไปแล้ว  โจทก์ก็ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยให้รื้อถอนรั้วนั้นออกไปจากที่ดินของโจทก์ได้ทันที  หากได้มีบทกฎหมายในเรื่องนี้ให้จำต้องบอกกล่าวแก่จำเลยก่อนฟ้องดั่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่
ทั้งคดีนี้ปรากฏว่าเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลนั้น  จำเลยก็ได้รับสำเนาฟ้องแล้ว  จำเลยไม่ยอมรื้อถอนรั้วออกไปจากที่ดินของโจทก์และกลับต่อสู้คดีเช่นนี้  จึงถือว่าจำเลยได้ทำละเมิดต่อโจทก์นับแต่วันรับสำเนาฟ้องเป็นต้นไป  ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ  บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

