คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 390/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ยินยอมอนุญาตให้รั้วของจำเลยยังคงรุกล้ำที่ดินของโจทก์อยู่ได้ต่อไปนั้น จำเลยจะอ้างการครอบครองปกปักษ์ขึ้นเป็นข้อต่อสู้กรรมสิทธิ์ในที่ดินต่อโจทก์หาได้ไม่ และเมื่อใดโจทก์ไม่มีความประสงค์จะให้รั้วของจำเลยคงอยู่ในที่ดินของโจทก์ต่อไปแล้ว โจทก์ก็ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยรื้อถอนรั้วออกไปจากที่ดินของโจทก์ได้ทันที หาจำต้องบอกกล่าวแก่จำเลยก่อนฟ้องไม่
โจทก์ฟ้องให้จำเลรื้อรั้วที่อนุญาตให้สร้งอยู่ในที่ดินของโจทก์ออกไป จำเลยรับสำเนาฟ้องแล้วไม่ยอมรื้อรั้วกลับต่อสู้คดี ดังนี้ ถือว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์นับแต่วันรับสำเนาฟ้องเป็นต้นไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำรั้วเขตรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศใต้ เนื้อที่ประมาณ ๘ ตารางวา โจทก์ได้ว่ากล่าวให้จำเลยรื้อถอนแล้ว จำเลยก็เพิกเฉย จึงขอเรียกค่าเสียหายที่ไม่ได้ใช้ที่ดินที่จำเลยรุกล้ำเป็นเวลา ๘ ปี เป็นเงิน ๑,๖๐๐ บาท และให้จำเลยรื้อรั้วออกไปจากที่ดินโจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง ฟ้องเคลือบคลุม ที่ดินของโจทก์นั้น เดิมเป็นของสามีจำเลย สามีจำเลยยกให้โจทก์โดยเสน่ห์หา และยกให้สามีจำเลยได้ทำรั้วเข้าไปในที่ดินประมาณ ๖ ตารางวาขึ้นไว้ก่อนจะยกให้โจทก์แล้ว โจทก์ก็ทราบดีว่าเป็นทางเดินติดรั้วเขตรั้วที่สามีจำเลยทำไว้ก่อนก็ไม่ทักท้วงประการใด โจทก์ไม่เคยว่ากล่าวให้จำเลยหรือสามีจำเลยรื้อถอนแต่อย่างใด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อรั้วรายพิพาทออกไปเสียจากที่ดินโจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายนับแต่วันรับสำเนาฟ้องจนกว่าจำเลยจะรื้อรั้วออกไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยทำรั้วรายพิพาทขึ้นด้วยความยินยอมของโจทก์จึงไม่เป็นการละเมิด และโจทก์ไม่เคยบอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนรั้วเลย โจทก์จึงจะมาฟ้องจำเลยฐานละเมิดทีเดียวไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เดิมที่ดินเป็นของสามีจำเลยทั้งแปลง ต่อมาสามีจำเลยยกให้โจทก์กับพวกรวม ๖ คนมีชื่อร่วมกันครึ่งหนึ่ง ในวันเดียวกันนั้นพวกที่มีชื่อร่วมกับโจทก์ก็โอนให้โจทก์เป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวตลอดมาจนบัดนี้ รั้วพิพาทนี้จำเลยกับสามีได้ทำขึ้นก่อนที่จะมีการแบ่งแยกโฉนดจริงดังศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังมา ครั้นเมื่อมีการแบ่งแยกโฉนดมาเป็นส่วนของโจทก์แล้ว รั้วก็ยังคงอยู่ต่อมาในส่วนแบ่งที่เป็นของโจทก์โดยยังไม่ได้มีการรื้อถอน โจทก์และสามีจำเลยเป็นพี่น้องอยู่ใกล้ชิดติดกันยังไม่มีเรื่องพิพาทกันขึ้น พฤติการณ์จึงฟังได้โดยปริยายว่า โจทก์ยินยอมอนุญาตให้รั้วของจำเลยคงอาศัยปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์ได้ต่อไป กรณีเช่นนี้จำเลยจะอ้างการครอบครองปรปักษ์ขึ้นเป็นข้อต่อสู้กรรมสิทธิ์ในที่ดินต่อโจทก์หาได้ไม่ และกรณีนี้เป็นเรื่องยินยอมอนุญาตให้รั้วปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์ได้ ฉะนั้น เมื่อใดโจทก์ไม่มีความประสงค์จะให้รั้วของจำเลยคงอยู่ในที่ดินของโจทก์ต่อไปแล้ว โจทก์ก็ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยให้รื้อถอนรั้วนั้นออกไปจากที่ดินของโจทก์ได้ทันที หากได้มีบทกฎหมายในเรื่องนี้ให้จำต้องบอกกล่าวแก่จำเลยก่อนฟ้องดั่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่

ทั้งคดีนี้ปรากฏว่าเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลนั้น จำเลยก็ได้รับสำเนาฟ้องแล้ว จำเลยไม่ยอมรื้อถอนรั้วออกไปจากที่ดินของโจทก์และกลับต่อสู้คดีเช่นนี้ จึงถือว่าจำเลยได้ทำละเมิดต่อโจทก์นับแต่วันรับสำเนาฟ้องเป็นต้นไป ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share