คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 390/2481

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยในคดีแพ่งอ้างตนเองเป็นพะยานแล้วเบิกความเท็จ+มีผิดตามกฎหมายอาญา ม.155
อ้างฎีกาที่ 593/2476 การที่ศาลรับฟังสำนวนคดีแพ่งมาเป็นพะยานในคดีอาญาแสดงถึงถ้อยคำจำเลยได้เบิกความไว้+ไม่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอาญามาตรา 90

ย่อยาว

ได้ความว่าโจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินกู้ ๓๐๐๐ บาท จำเลยได้สาบาลตัวเบิกความในคดีแพ่งนั้นว่าจำเลยลงชื่อในสัญญากู้นั้นเพราะเล่นโปเสียโจทก์ ๆ จึงให้จำเลยเซ็นสัญญาให้ ซึ่งเป็นความเท็จ โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษ จำเลยตาม ม.๑๕๕
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกจำเลย ๘ เดือน ตามกฎหมายอาญา ม.๑๕๕
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตัดสินว่าที่จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยเบิกความประกอบข้อต่อสู้ของจำเลยไม่ควรมีผิดนั้น ศาลฎีกาได้เคยวินิจฉัยในฎีกาที่ ๕๙๓/๒๔๗๖ ไว้แล้วว่าจำเลยอ้างตนเองในฐานะเป็นพะยานจะต้องเบิกความตามสัตย์จริงมิฉะนั้นมีโทษ ฎีกาข้อนี้จึงตกไป ส่วนที่จำเลยคัดค้านว่าศาลจะฟังข้อเท็จจริงในสำนวนคดีแพ่งมาลงโทษจำเลยในคดีอาญาไม่ได้นั้น เรื่องนี้ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยแต่เพียงว่าแม้โจทก์ไม่มีพะยานบุคคลมาสืบว่าจำเลยเบิกความในคดีแพ่งว่าอย่างไร แต่โจทก์ก็ได้อ้างสำนวนคดีแพ่งมาเป็นพะยานแสดงถ้อยคำที่จำเลยเบิกความไว้โดยแจ้งชัดแล้วจะว่าโจทก์ไม่มีพะยานสืบในข้อนี้ไม่ได้ จึงไม่ใช่เรื่องรับฟังข้อเท็จจริงในสำนวนคดีแพ่ง มาพิพากษาในคดีอาญาฝ่าฝืน ม.๙๐ แห่งกฎหมายอาญาดังที่จำเลยค้าน ฎีกาทั้ง ๒ ประการของจำเลยจึงตกไป พิพากษายืนตามศาลล่างทั้ง ๒

Share