แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บันทึกการเปรียบเทียบชั้นอำเภอ ซึ่งนายอำเภอได้อ่านให้ทั้งสองฝ่ายฟังและลงลายมือชื่อไว้นั้น เป็นสัญญาปราณีประนอมใช้บังคับได้ตามกฏหมาย.
คู่ความอ้างต้นฉะบับบันทึกอยู่ที่อำเภอ แต่-อำเภอไม่สามารถส่งศาลได้ เพราะยากแก่นำส่ง แต่ได้ส่งสำเนามาแทนโดยมีกรมการอำเภอรับรองถูกต้อง และมีนานยอำเภอเบิกความรับรองประกอบนั้น รับฟัแทนต้นฉะบับได้.
เอกสารทำต่อหน้ากรมการอำเภอ เป็นเอกสารทำต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลแพ่ง ฯ ไม่จำต้องมีพะยานลงชื่อรับรองสองคน.
ย่อยาว
ได้ความว่า เดิมนายกลับโดยความยินยอมของนางคล้ายมารดาได้เอาที่ดินของนางคล้ายเป็นประกันเงินกู้จากนายลับเป็นเงิน ๘๕ บาท ครั้นต่อมานายลับ,นางคล้างไปขอไถ่ นายลับไม่ให้ไถ่ เรื่องถึงอำเภอ นายอำเภอเปรียบเทียบ ในที่ตกลงยอมกันตามคำเปรียบเทียบของอำเภอ คือนางคล้ายยอมให้เงิน ๘๕ บาทและนายลับยอมคืนนาให้ ครั้นหถึงวันนัดชำระเงิน นายลับกลับปฏิเสธ นางคล้ายจึงฟ้องขอให้คืนนาซึ่งนายลับกลับปฏิเสธต่อสู้ว่า ไม่ได้ตกลงยอมความด้วย และกลับฟ้องว่า นาพิพาทเป็นของนายลับแล้ว นายกลับบุกรุกขอให้ห้าม.
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้บังคับคดีไปตามที่ยอมกันไว้ที่+ั้นอำเภอ.
นายลับฎีกาเป็นปัญหาข้อกฏหมายหลายประการ.
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่นายลับลงลายมือชื่อในบันทึกยอมความคำเปรียบเทียบของนายอำเภอนั้น จะเถียงว่าเป็นการลงลายมือชื่อตามระเบียบการแห่งการเปรียบเทียบไม่ได้ เพราะข้อความในบันทึกนั้นมีชัดแจ้ง และนายอำเภอได้อ่านข้อความให้ฟังก่อนลงลายมือชื่อ บันทึกนี้จึงเป็นสัญญาปรา+ีประนอมยอมความ มีผลบังคับได้ ข้อที่นายลับค้านว่า สัญญาปราณีประนอมนี้ใช้ไม่ได้ เพราะไม่มีต้นฉะบับส่งต่อศาลนั้นฟังไม่ขึ้น เพราะนางคล้ายได้อ้างต้นฉะบับจากอำเภอ แต่ทางอำเภอไม่สามารถส่งได้ เพราะได้บันทึกไว้ในสารบบความแพ่งของอำเภอซึ่งยากแก่การนำส่ง จึงได้คัดสำเนาส่งมาโดยมีกรมการอำเภอรับรองถูกต้อง และนายอำเภอก็ได้มาเบิกความรับรองอีกชั้นหนึ่ง จึงรับฟังสำเนานี้ได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๙๓(๒) และข้อที่นายลับค้านว่า ไม่มีพะยานลงชื่อรับรองโดยครบถ้วนนนั้น ก็เห็นว่าเป็นเอกสารที่ทำต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องมีพะยานลงชื่อรับรองก็ใช้ได้ ตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ พุทธศักราช ๒๔๗๗ (ฉะบับที่ ๓) มาตรา ๓ จึงพร้อมกันพิพากษายื+ตามศาลอุทธรณ์.