คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3897/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ตายเป็นสามีจำเลย ทำร้ายร่างกายจำเลยก่อนจนเซ ไปที่โต๊ะจำเลยจึงหยิบมีดปอกผลไม้ขึ้นมาขู่ แต่ผู้ตายเข้าแย่งจึงถูกมีดบาดมือผู้ตายใช้ปากกัดมือที่ถือมีดของจำเลยอย่างแรง จำเลยเหวี่ยงมือ มีดถูกคอผู้ตายโดยบังเอิญ ดังนี้ หากผู้ตายแย่งมีดได้อาจใช้ทำร้ายจำเลยถึงตาย ได้การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำไปโดยบรรดาลโทสะ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 72 จำคุก2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายพอสมควรแก่เหตุ พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…เห็นว่า ในชั้นถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมและในชั้นสอบสวนจำเลยก็ให้การทำนองเดียวกับชั้นพิจารณาปรากฏตามบันทึกการจับกุมและคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเอกสารหมาย จ.2 และ จ.5 เมื่อพิจารณาประกอบกับบาดแผลที่จำเลยได้รับที่นิ้วหัวแม่มือซ้ายซึ่งมีรอยลักษณะถูกกัดตามภาพถ่ายหมาย จ.7ภาพที่ 7 และบาดแผลที่ผู้ตายได้รับที่นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ตามรายงานการชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้องเข้าด้วยแล้ว จึงเชื่อว่าผู้ตายเป็นฝ่ายตบตีทำร้ายร่างกายจำเลยก่อน เมื่อจำเลยเซไปที่โต๊ะวางถาดผลไม้ จึงหยิบมีดปอกผลไม้มาขู่ผู้ตายไม่ให้เข้ามาทำร้ายซ้ำอีกผู้ตายแย่งมีดจากจำเลย มีดจึงบาดมือผู้ตาย ผู้ตายกัดมือจำเลยที่ถือมีดอย่างแรง จำเลยจึงเหวี่ยงมือไปมาเพื่อให้ปากผู้ตายหลุดจากมือจำเลยและไม่ให้ผู้ตายแย่งมีดไปได้ บังเอิญมีดไปถูกลำคอของผู้ตายเข้า หากผู้ตายแย่งมีดจากจำเลยได้ ผู้ตายอาจใช้มีดทำร้ายจำเลยถึงตายได้ ประกอบกับจำเลยเป็นหญิง ความแข็งแรงย่อมสู้ผู้ตายไม่ได้ พฤติการณ์การกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ จำเลยย่อมไม่มีความผิด”
พิพากษายืน.

Share