คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3896/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ที่ 2 ทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์ โดยมีข้อตกลงว่าถ้าจำเลยผิดสัญญายอมให้โจทก์ฟ้องศาลบังคับให้เป็นไปตามสัญญา กับยอมใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงินจำนวนหนึ่งอีกส่วนหนึ่งด้วย ค่าเสียหายเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นเบี้ยปรับซึ่งกำหนดไว้ในสัญญา และเป็นเบี้ยปรับซึ่งลูกหนี้สัญญาจะให้เมื่อตนไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องสมควร เมื่อจำเลยทั้งสองผิดสัญญาโอนที่ดินให้แก่จำเลยที่ 3 ไป นอกจากโจทก์จะเรียกให้โอนที่ดินเป็นการชำระหนี้ได้แล้ว โจทก์ยังมีสิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับตามสัญญาจากจำเลยได้ด้วย ทั้งหากโจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในมูลชำระหนี้ไม่ถูกต้องสมควร โจทก์จะเรียกเอาเบี้ยปรับอันจะพึงริบในฐานเป็นจำนวนน้อยที่สุดแห่งค่าเสียหายกับมีสิทธิพิสูจน์ค่าเสียหายยิ่งกว่านั้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ตกลงทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์ 1 แปลงในราคา 31,000 บาท จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้รับเงินมัดจำจากโจทก์แล้วเป็นเงิน 3,000 บาท ต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2ได้จดทะเบียนโอนขายให้แก่จำเลยที่ 3 ขอศาลพิพากษาให้เพิกถอนการโอนให้กลับมาเป็นของจำเลยที่ 1 ที่ 2 แล้วให้จำเลยที่ 1 ที่ 2โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ และรับเงินจากโจทก์ตามสัญญาหากไม่ปฏิบัติตามขอถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทนถ้าจำเลยที่ 1 ที่ 2 โอนที่ดินให้โจทก์ไม่ได้ ให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงิน 150,500 บาท และคืนมัดจำจำนวน3,000 บาท ให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากเงิน153,500 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การว่า หากโจทก์จะเสียหายก็เพียงเงินมัดจำ 3,000 บาท เท่านั้น และในสัญญากำหนดเบี้ยปรับไว้เพียง10,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ให้การว่า ไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ หากโจทก์จะเสียหายก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ใช้เงิน 75,500 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันใช้เงินจำนวน 13,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามสัญญาจะซื้อขายมีข้อความระบุว่าถ้าผู้จะขายผิดสัญญาไม่ไปทำหนังสือสัญญาและจดทะเบียนขายตามกำหนดผู้จะขายยอมให้ผู้จะซื้อฟ้องศาลบังคับให้เป็นไปตามสัญญานี้และยอมใช้ค่าเสียหายให้ผู้จะซื้ออีก 10,000 บาท อีกส่วนหนึ่งด้วย ค่าเสียหายเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นเบี้ยปรับซึ่งกำหนดไว้ในสัญญา และเป็นเบี้ยปรับซึ่งผู้จะขายซึ่งเป็นลูกหนี้สัญญาจะให้เมื่อตนไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องสมควร ซึ่งนอกจากจะเรียกให้โอนที่ดินเป็นการชำระหนี้แล้ว ผู้จะซื้อซึ่งเป็นเจ้าหนี้ยังมีสิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับตามสัญญาจากผู้จะขายได้อีก ทั้งหากเจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในมูลชำระหนี้ไม่ถูกต้องสมควรจะเรียกเอาเบี้ยปรับอันจะพึงริบในฐานเป็นจำนวนน้อยที่สุดแห่งค่าเสียหาย กับมีสิทธิพิสูจน์ค่าเสียหายยิ่งกว่านั้นได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share