คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3882/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

++ เรื่อง ความผิดต่อร่างกาย ความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ลหุโทษ
++

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 83, 91, 297 และ 371 พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง 72 และ 72 ทวิ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 83, 91, 295 และ 371 พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม และ 72 ทวิ วรรคสอง ให้เรียงกระทงลงโทษฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย จำคุก 6 เดือน ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 3 เดือน และฐานพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในทางสาธารณะ อันเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 อันเป็นบทหนักที่สุดเพียงบทเดียวตาม ป.อ. มาตรา 90 จำคุก 3 เดือน รวมจำคุก 12 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย ให้ปรับ 2,000 บาท อีกสถานหนึ่ง ส่วนฐานพาอาวุธปืน ให้ปรับ 1,000 บาท สถานเดียว รวมปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา 29 และ 30 ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนให้มีและใช้อาวุธปืนกระบอกที่ใช้ทำร้ายร่ายกายผู้เสียหายบาดเจ็บหรือไม่ เห็นว่า ในปัญหาดังกล่าว โจทก์นำสืบโดยมีหัวหน้าหมวดทะเบียนอาวุธปืนกรุงเทพมหานครเบิกความว่า ได้ตรวจสอบใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนของจำเลยแล้วไม่พบหลักฐานว่าจำเลยเคยได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แต่เมื่อทนายจำเลยนำสำเนาใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนเลขที่ 7069/2536 เอกสารหมาย ล. 1 ให้หัวหน้าหมวดทะเบียนอาวุธปืนฯ ตรวจดู และไม่ได้ยืนยันว่าใบอนุญาตดังกล่าวเป็นใบอนุญาตปลอม แต่ก็ไม่รับรองว่าใบอนุญาตนั้นถูกต้องหรือไม่ แต่ต่อมาภายหลังได้ลงชื่อรับรองในเอกสารท้ายอุทธรณ์ของจำเลยหมายเลข 1 ซึ่งมีข้อความอย่างเดียวกันกับเอกสารหมาย ล. 1 ว่าสำเนาถูกต้อง ประกอบกับจำเลยมีสำเนาต้นขั้วใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนเลขที่ 7069/2536 ซึ่งมีลายมือชื่อร้อยตำรวจเอกสุชีพรองสารวัตรแผนกอาวุธปืนรับรองสำเนาถูกต้องตามเอกสารท้ายอุทธรณ์ของจำเลยหมายเลขที่ 2 มาแสดง เพื่อยืนยันว่าสำเนาใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนตามเอกสารหมาย ล. 1 มีข้อความถูกต้องตรงกับต้นฉบับ ข้อเท็จจริงจึงเชื่อได้ว่าจำเลยได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนจากนายทะเบียนตามกฎหมายจริง ที่โจทก์ฎีกาว่าเอกสารท้ายอุทธรณ์ของจำเลยหมายเลข 1 จำเลยไม่ได้อ้างส่งในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นและเอกสารหมาย ล. 1 เป็นสำเนาไม่มีเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบรับรองว่าถูกต้องจึงรับฟังไม่ได้นั้น เห็นว่า จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนตามกฎหมายและได้นำสืบข้อเท็จจริงพร้อมกับอ้างส่งสำเนาใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนตามเอกสารหมาย ล. 1 มาตั้งแต่ศาลชั้นต้น แม้เอกสารหมาย ล. 1 เป็นเพียงสำเนาแต่จำเลยได้รับรองว่าถูกต้องแล้ว และไม่ปรากฏว่าสำเนาดังกล่าวไม่ตรงกับต้นฉบับ ทั้งโจทก์ไม่ได้โต้แย้งคัดค้านความถูกต้องแท้จริงของเอกสารฉบับนี้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 125 ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 15 ศาลจึงรับฟังสำเนาเอกสารหมาย ล. 1 เป็นพยานหลักฐานได้ ส่วนเอกสารท้ายอุทธรณ์ของจำเลยหมายเลข 1 และ 2 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับรองสำเนาถูกต้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 238 วรรคสอง แล้ว แม้ไม่ได้อ้างส่งในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นแต่พยานเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่จะพิสูจน์ว่าจำเลยได้กระทำความผิดหรือบริสุทธิ์และเอกสารทั้ง 2 ฉบับ ข้างต้นก็มีข้อความอย่างเดียวกับเอกสารหมาย ล. 1 ศาลจึงรับฟังเอกสารเหล่านี้เป็นพยานหลักฐานประกอบเพื่อสนับสนุนเอกสารหมาย ล. 1 ได้…
พิพากษายืน.

Share