แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ชื่อในโฉนดความ+ ผัวเมีย +บริคณห์ สืบสวนตัว +ให้ภรรยามีชื่อในโฉนดผู้เดียวจะสันนิษฐานว่ายอมให้ภรรยาจัดการใด ๆ เกี่ยวแลโฉนดไม่ได้ ทรัพย์ที่ได้มาระวางเป็นสามีภรรยากันจะถือว่าเป็นสินส่วนตัวไม่ได้ กฎหมายมิได้ถือว่าผู้มีชื่อในโฉนดเท่านั้นเป็นเจ้าของคนที่ไม่มีชื่ออาจเป็นเจ้าของด้วยได้ การที่สามีร้องขัดทรัพย์เท่ากับบอกล้างนิติกรรมอยู่ในตัว ฎีกาอุทธรณ์ ปัญหาข้อเท็จจริง ทำให้มหาชนหลงเข้าใจผิดหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริงการกระทำเป็นการสุจริตหรือไม่เป็นข้อเท็จจริง
ย่อยาว
โจทก์ชนะคดีจำนองแล้วยึดทรัพย์จำนอง ผู้ร้องขัดทรัพย์ว่า ฮ.จำเลยเป็นภรรยาผู้ร้องเอาทรัพย์ซึ่งเป็นสินบริคณห์ไปจำนองโดยมิได้รับอนุญาตจากผู้ร้อง ขอให้ถอนการยึด ทางพิจารณาได้ความว่าทรัพย์รายพิพาท ฮ.ภรรยาผู้ร้องได้รับมฤดกในระวางเป็นสามีภรรยากับผู้ร้องยังไม่ได้แบ่งกันระวางผู้รับมฤดก ในโฉนดมีชื่อ ฮ.จำเลยมิได้มีชื่อผู้ร้อง
ศาลคดีต่างประเทศเชื่อตามคำร้องจึงสั่งถอนการยึดที่ดินส่วนที่จะตกลงแบ่งให้ ฮ.จำเลย ถ้าไม่ตกลงกันแบ่งส่วนกันได้ก็ให้ยื่นคำร้องต่อศาลตามประมวลแพ่ง ม.๑๓๖๔ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ศาลฎีกากล่าวว่าคู่ความฎีกาได้ฉะเพาะข้อกฎหมาย และวินิฉัยว่า (๑)กฎหมายมิได้ถือเสมอว่าผู้มีชื่อในโฉนดเท่านั้นเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ คนอื่นที่ไม่มีชื่ออาจเป็นเจ้าของร่วมด้วยได้ (๒) ทรัพย์ได้มาระวางเป็นสามีภรรยากับจะถือว่าเป็นสินส่วนตัวไม่ได้ (๓)การอ้างว่าผู้ร้องทำให้มหาชนหลงเข้าใจผิดเป็นปัญหาข้อเท็จจริง (๔) การยอมให้ภรรยามีชื่อในโฉนดผู้เดียวจะสันนิษฐานว่ายอมให้ภรรยาจัดการใด ๆ เกี่ยวแก่โฉนดไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายให้สันนิษฐานาเด็ดขาดเช่นนั้น (๕) การฟ้องคดีเท่ากับการบอกล้างนิติกรรมอยู่ในตัว (๖) การกระทำของผู้ร้องเป็นการสุจริตหรือไม่เป็นข้อเท็จจริง จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์