คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3874/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 กระทงหนึ่ง และมีความผิดตาม มาตรา 295 อีก 2 กระทง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 290, 295 การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตามมาตรา 290 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่เพียงว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท อันเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๒๙๕, ๘๓
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ระหว่างสืบพยาน นางเพิ่มเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันทำร้ายผู้ตายและผู้เสียหาย ไม่ใช่การป้องกันตัว แต่ไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งสามมีเจตนาฆ่าผู้ตาย พิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๐ กระทงหนึ่งและผิดตามมาตรา ๒๙๕ อีก ๒ กระทง รวม ๓ กระทง
โจทก์ร่วมและจำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าทั้งสองฝ่ายต่างสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ฝ่ายจำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้ตายกับพวกอีกฝ่ายหนึ่ง จะกระทำต่อคนหนึ่งคนใดหรือกระทำต่อทุกคนไม่จำกัดบุคคล ถือว่าเป็นเจตนาเดียวเป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๐ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๐, ๒๙๕ ลงโทษตามมาตรา ๒๙๐ ซึ่งเป็นบทหนัก
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า คงมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเฉพาะจำเลยที่ ๑ คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่เพียงว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงแก่ผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๐ เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๑ ไม่เกิน ๕ ปี จำเลยที่ ๑ ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ ๑

Share