คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 386/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คดีอาญาข้อเท็จจริงที่ศาลฟังเป็นยุติในคดีก่อนเป็นประการใดมีผลผูกมัดคู่ความในคดีนั้นเท่านั้นแม้โจทก์จะอ้างสำนวนคดีเรื่องก่อนมาประกอบการพิจารณาของศาลในคดีนี้ได้ข้อเท็จจริงที่ศาลฟังเป็นยุติในคดีอาญาคดีก่อนย่อมมีผลผูกมัดคู่ความในคดีนั้นเท่านั้นแม้โจทก์อาจอ้างสำนวนคดีเรื่องก่อนมาประกอบการพิจารณาคดีอาญาเรื่องหลังได้ก็เป็นเพียงพยานความเห็นหรือพยานบอกเล่าเท่านั้นศาลจะอาศัยแต่ลำพังคำวินิจฉัยในคดีเรื่องก่อนมารับฟังเป็นหลักฐานเพื่อใช้ลงโทษจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามฐานนำความอันเป็นเท็จฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาต่อศษล และเบิกความเท็จ
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งคดีมีมูลให้รับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 175, 181 กระทงหนึ่ง มาตรา 177, 181 กระทงหนึ่งและตามมาตรา 180, 181 กระทงหนึ่ง จำเลยที่ 2 ที่ 3 มีความผิดตามมาตรา 177, 181
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการรับฟังพยานนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ศาลฟังเป็นยุติในคดีก่อนเป็นประการใด ก็ย่อมมีผลผูกมัดคู่ความในคดีนั้นเท่านั้น ส่วนในคดีนี้ก็ชอบที่ศาลจักต้องพิจารณาพยานหลักฐานในสำนวนคดีนี้เป็นสำคัญและเชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงเท่านั้น จึงจะลงโทษจำเลยได้จริงอยู่โจทก์อาจจะอ้างสำนวนในคดีเรื่องก่อนมาประกอบการพิจารณาของศาลในคดีนี้ได้ แต่ก็อยู่ในฐานะเป็นเพียงพยานความเห็นหรือพยานบอกเล่าเท่านั้น เมื่อศาลไม่พิจารณาถึงพยานหลักฐานในสำนวนนี้ว่ารับฟังให้เชื่อถือได้เพียงใดหรือไม่แล้ว จะอาศัยแต่ลำพังคำวินิจฉัยในคดีเรื่องก่อนมารับฟังเป็นหลักฐานเพื่อให้ลงโทษจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น และแม้คดีนี้จะต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงก็ตาม เมื่อปรากฏว่าการรับฟังพยานไม่ถูกต้องอันเป็นปัญหาข้อกฎหมายเช่นนี้แล้ว ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนนี้ไปเลยโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่
ฯลฯ
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์.

Share