คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยจุดเผาไร้อ้อยของจำเลย แม้ไร่อ้อยจะอยู่ห่างเรือนผู้เสียหายเพียง 5 วา แต่ก็มีต้นมะร้าวคั่นอยู่ 2 แถว และในการจุดเผา จำเลยก็มีพวกมาควบคุมดูแลอยู่หลายคน ทั้งขณะจุดเผา ลมก็ไม่แรง ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการจุดเผาทรัพย์โดยลักษณะอันน่ากลัวจะเป็นอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้+ ตามมาตรา 187 ตามที่แก้ไขใหม่.
แต่ในระหว่างจุดเผาไร่อ้อยอยู่นั้น มีชะมดหนึออกมาจากไร่อ้อย จำเลยกับพวกจึงละทิ้งไปไล่ชะมดเสีย ไม่คอยระวังดูแลประกอบกับมีลมพัดไปทางเรือนผู้เสียหาย จึงเห็นเหตุให้ไฟไหม้ลุกลามไปไหม้เรือนผู้เสียหายดังนี้
การกระทำของจำเลยจึงเป็นผิดฐานประมาทตามมมาตรา 201./

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๘๖, ๑๘๗, ๒๐๑, ๑๗๔.
จำเลยทั้งสองปฏิเสธความผิด
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยที่ ๒ ผู้เดียวผิดตามก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๘๖, ๑๘๗ ที่แก้ไขเพิ่มเติม จำคุก ๑๐ ปี ยกฟ้องจำเลยที่ ๑
โจทก์และจำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยทั้งสองมีผิดตาม าก.ม.ลีกษณะอาญามาตรา ๒๐๑ ให้จำคุกคนละ ๖ เดือน.
โจทก์และจำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาคงฟ้งข้อเท็จจริงตามที่ศาลล่างวินิจฉัย ข้อวินิจฉัยต่อไปมีว่า การที่จำเลยเผาไร่อ้อยนี้ โดยลักษณะอันน่ากลัวจะ
เป็นอันตรายแก่บ้านเรือนและทรัพย์ของผู้เสียหายหรือไม่ จริงอยู่ไร่อ้อยที่จำเลยจุดเผาอยู่ห่างเรือนผู้เสียหายเพียง ๕ วา
แต่ก็มีต้นมะพร้าวคั่นอยู่ถึง ๒ แถว และในการจุดเผานี้จำเลยก็มีพวกมาคอยควบคุมดูแลหลายคน ทั้งได้รับกันว่าขณะจุด
เผานั้นลมไม่แรง + ในข้อที่จำเลยอ้างว่าได้ใช้น้ำสาดหลังคาและฝาเรือก่อนลงมือจุดเผานั้น พยานจำเลยจะแตกต่างไม่น่าเชื่อก็ดี ตามพฤติการณ์เท่าที่กล่าวมายังฟังไม่ได้ว่า จำเลยจุดเผาทรัพย์โดยลักษณะอันน่ากลัวจะเป็นอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้ดังฟ้อง แต่คดีควรฟังได้ตามคำพยานโจทก์ว่า การที่ไฟเกิดไหม้เรือนและทรัพย์เสียหายรายนี้ เนื่องจากจำเลยและพวกจุดไฟเผาไร่อ้อยแล้วได้ทิ้งไปไล่ชะมดเสีย ไม่คอยระวังดูแล ประกอบกับมีลมพัดไปทางเรือนผู้เสียหาย จึงเป็นเหตุให้ไฟไหม้ลุกลามไปไหม้ต้นมะพร้าว และไหม้เรือน และทรัพย์ดังกล่าวเสียหายหมด การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานประมาทตามมาตรา ๒๐๑.
ฯลฯ
จึงพิพากษายืน.

Share