คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3849/2536

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ติดตั้งเครื่องจักรทำการแปรรูปไม้ในสวนของกลางที่ยึดได้มีไม้สัก 88 แผ่น ไม้รัง 14 แผ่นและยังไม่มีไม้สักยังไม่ได้แปรรูป 12 ท่อน ถือได้ว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นโรงงานแปรรูปไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 4(13) แล้ว แม้จำเลยที่ 1 ตั้งโรงงานเพื่อแปรรูปไม้เป็นการชั่วคราวเพื่อใช้ปลูกบ้านของตนเองก็ต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 48

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ จำเลยทั้งสองกับพวกอีกสามคนที่ยังไม่ได้ตัวตาฟ้องร่วมกันตั้งโรงงานแปรรูปไม้ที่บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 11 ตำบลดอกคำใต้ อำเภอดอกคำใต้จังหวัดพะเยา โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก พนักงานเจ้าหน้าที่ ร่วมกันมีไม้สักอันยังมิได้แปรรูป 12 ท่อน ปริมาตรา 6.85 ลูกบาศก์เมตรซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไว้ในครอบครอง โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้วร่วมกันแปรรูปไม้สักดังกล่าวกับไม้รัง ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. โดยใช้เครื่องมือเครื่องจักร ได้ไม้สักแปรรูป88 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 0.92 ลูกบาศก์เมตร และไม้รังแปรรูป14 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตรา 0.22 ลูกบาศก์เมตรและมีไม้สักกับไม้รังแปรรูปจำนวนดังกล่าวไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 7, 47, 48, 69, 73, 74, 74 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91 ริบของกลางทั้งหมด
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 7, 47, 48, 69 วรรคสอง (1),73 วรรคสอง (1), 74, 74 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ความผิดฐานร่วมกันตั้งโรงงานแปรรูป จำคุก 1 ปี ความผิดฐานมีไม้สัก อันยังมิได้แปรรูป จำคุก 2 ปี 6 เดือน ความผิดฐานแปรรูปไม้จำคุก 1 ปี ความผิดฐานมีไม้แปรรูป จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 5 ปี 6 เดือนทางนำสืบของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา อยู่ บ้างมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี 8 เดือน กับให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2ของกลางทั้งหมดให้ริบ จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2พิพากษายืน จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องตั้งเป็นโรงงานทำการแปรรูปไม้ในลักษณะเป็นการถาวร แต่จำเลยที่ 1 แปรรูปไม้เพื่อใช้ในการปลูกบ้านของตนเองเป็นการชั่วคราวและใช้เครื่องจักรช่วยให้สะดวกขึ้นจึงไม่เป็นความผิดนั้น เห็นว่า ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ติดตั้งเครื่องจักรทำการแปรรูปไม้ในสวน ของกลางที่ยึดได้ มีไม้สัก 88 แผ่น ไม้รัง 14 แผ่น และยังมีไม้สักยังไม่ได้แปรรูป12 ท่อน ถือได้ว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นโรงงานแปรรูปไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 4(13) แล้ว แม้จำเลยที่ 1ตั้งโรงงานเพื่อแปรรูปไม้เป็นการชั่วคราวเพื่อใช้ปลูกบ้านของตนเองก็ต้องรับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก พนักงานเจ้าหน้าที่ชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share