แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยรับคำบังคับแล้วเข้าใจว่าต้องคอยพบเจ้าพนักงานมาติดต่อและจำเลยต้องดูแลกิจการซ่อมรถ หากกิจการหยุดชะงักลงจะได้รับความเสียหาย ครั้นจำเลยไปกรุงเทพมหานครเพื่อซื้ออะไหล่ซ่อมรถ ได้ติดต่อที่ศาลแพ่งจึงทราบว่าถูกฟ้องแต่เป็นเวลาใกล้หมดเวลาทำการของศาลแล้ว ไม่สามารถติดต่อทนายความให้ยื่นคำขอพิจารณาใหม่ได้ทันในวันนั้น มิใช่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ และแม้จำเลยสามารถหาทนายความให้ยื่นคำขอพิจารณาใหม่ได้ทัน ก็ล่วงพ้นเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 แล้ว
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ยในฐานะจำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยรับคำบังคับตามคำพิพากษาเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2524 ครั้นวันที่ 26 สิงหาคม2524 จึงยื่นคำร้องว่า ชั้นส่งหมายเรียกให้จำเลยแก้คดีโจทก์ขอให้ศาลประกาศทางหนังสือพิมพ์ แต่ชั้นส่งคำบังคับกลับขอให้ส่งไปยังภูมิลำเนาของจำเลยการกระทำของโจทก์เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จำเลยไม่ทราบว่าถูกฟ้องและไม่เคยนำเช็คไปแลกเงินจากโจทก์ เพิ่งทราบรายละเอียดเมื่อได้ขอตรวจดูหลักฐานที่ศาลเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2524 ขอให้พิจารณาคดีใหม่
ศาลชั้นต้นไม่รับคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พฤติการณ์ที่จำเลยอ้างว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจจะบังคับได้ คือ จำเลยรับคำบังคับแล้วเข้าใจโดยสุจริตว่าต้องคอยรอพบเจ้าพนักงานมาติดต่อและจำเลยต้องดูแลกิจการซ่อมรถ หากกิจการหยุดชะงักลงจะได้รับความเสียหาย ครั้นจำเลยไปกรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2524 เพื่อซื้ออะไหล่ซ่อมรถได้ติดต่อที่ศาลแพ่งจึงทราบว่าถูกฟ้อง แต่เป็นเวลาจวนใกล้หมดเวลาทำการของศาลแล้วไม่สามารถติดต่อทนายความให้ยื่นคำขอพิจารณาใหม่ได้ทันในวันนั้นพฤติการณ์ดังกล่าวหาใช่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจจะบังคับได้ไม่ แม้จำเลยสามารถหาทนายความให้ยื่นคำขอพิจารณาใหม่ได้ทันในวันที่ 11 สิงหาคม 2524 ก็เป็นอันล่วงพ้นเวลาตามมาตรา 208 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้วเช่นกัน
พิพากษายืน