แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้โจทก์ยื่นคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) นั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าให้เป็นที่สุด โจทก์จึงมีสิทธิอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สำนักงานใหญ่ซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเป็นเงิน 426,500 บาท จากจำเลยซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานีโดยยื่นคำร้องขออนุญาตฟ้องต่อศาลแพ่ง อ้างว่าการพิจารณาในศาลแพ่งจะเป็นการสะดวก เพราะบรรดาพยานหลักฐานของโจทก์ล้วนอยู่ในเขตอำนาจศาลแพ่งทั้งหมด
ศาลแพ่งมีคำสั่งไม่อนุญาต ให้คืนคำฟ้องให้โจทก์ไปยื่นต่อศาลที่มีเขตอำนาจ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ควรอนุญาตให้โจทก์ยื่นคำฟ้องต่อศาลแพ่งได้พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา
จำเลยฎีกาว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์ยื่นคำฟ้องยังศาลใดย่อมเป็นดุลพินิจของศาลนั้นโดยเฉพาะและเป็นอันเด็ดขาดถึงที่สุดแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวได้ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้โจทก์ยื่นคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2)นั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าให้เป็นที่สุด โจทก์จึงมีสิทธิอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้
พิพากษายืน