คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3841/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สิทธิในการบังคับคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ผู้ร้องจะมิได้ยกปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า ผู้ร้องเป็นห้างหุ้นส่วนซึ่งจดทะเบียนยังไม่ได้เลิกโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยผู้เป็นหุ้นส่วนเฉพาะตัว มีสิทธิบังคับคดีได้เฉพาะผลกำไรหรือเงินซึ่งห้างหุ้นส่วนค้างชำระแก่จำเลยเท่านั้นขึ้นกล่าวอ้างในศาลชั้นต้นก็ตาม ก็ย่อมยกขึ้นอ้างในศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาได้
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าห้างหุ้นส่วนผู้ร้อง เป็นหุ้นส่วนจดทะเบียนยังมิได้เลิกกัน โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยผู้เป็นหุ้นส่วนเฉพาะตัวจึงใช้สิทธิได้เพียงกำไรหรือเงินซึ่งห้างหุ้นส่วนผู้ร้องค้างชำระแก่จำเลยเท่านั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1072

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระเงินจำนวนหนึ่งให้แก่โจทก์ จำเลยทั้งห้าไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ ๔ รวม ๑๙ รายการ
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด อ้างว่าเป็นของผู้ร้องทั้งสอง
โจทก์ให้การว่า ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นของจำเลยที่ ๔ หรือจำเลยที่ ๔ เป็นเจ้าของรวม ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ทรัพย์รายการที่ ๑ ถึง ๑๒ เป็นของผู้ร้องที่ ๑และจำเลยที่ ๔ คนละครึ่ง ผู้ร้องที่ ๑ ไม่มีสิทธิขอให้ปล่อย ทรัพย์รายการที่ ๑๓ ถึง ๑๙ เป็นของผู้ร้องที่ ๒ มีคำสั่งให้ปล่อยทรัพย์รายการที่ ๑๓ ถึง ๑๙ คำขอนอกนั้นให้ยก
ผู้ร้องที่ ๑ อุทธรณ์ว่า ผู้ร้องที่ ๑ เป็นหุ้นส่วนซึ่งจดทะเบียนยังมิได้เลิกกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๗๒ ให้สิทธิโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ ๔ ผู้เป็นหุ้นส่วนเฉพาะตัวใช้สิทธิได้แต่เพียงในผลกำไรหรือเงินซึ่งห้างหุ้นส่วนผู้ร้องที่ ๑ ต้องชำระแก่จำเลยที่ ๔ เท่านั้น ทรัพย์รายการที่ ๑ ถึง ๑๒ เป็นของห้างหุ้นส่วนผู้ร้องที่ ๑ ซึ่งมิใช่ผลกำไร หรือเงินซึ่งห้างหุ้นส่วนผู้ร้องที่ ๑ ค้างชำระแก่จำเลยที่ ๔ โจทก์ไม่มีสิทธิยึดเอามาชำระหนี้ส่วนตัวของจำเลยที่ ๔
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๗๒ ที่ผู้ร้องที่ ๑ ยกขึ้นอ้างนั้น ผู้ร้องที่ ๑ไม่ได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในศาลชั้นต้นและไม่ใช่ข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยพิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้องที่ ๑
ผู้ร้องที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ ๔ ผู้เป็นหุ้นส่วนเฉพาะตัว จะยึดทรัพย์รายการที่ ๑ – ๑๒ ของห้างหุ้นส่วนผู้ร้องที่ ๑ ได้หรือไม่ ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนี้ศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นฟังมา ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า ทรัพย์สินตามบัญชีรายการที่ ๑ ถึงที่ ๑๒ เชื่อได้ว่าเป็นทรัพย์ของผู้ร้องที่ ๑ จริง แต่ห้างผู้ร้องที่ ๑ มีจำเลยที่ ๔ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและจำเลยที่ ๔ เป็นผู้ลงหุ้นร่วมกับผู้ร้องที่ ๒ คนละครึ่ง จำเลยที่ ๔ จึงมีกรรมสิทธิ์รวมอยู่ในทรัพย์สินต่าง ๆ ของห้างผู้ร้องที่ ๑ ด้วยกึ่งหนึ่งศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า สิทธิในการบังคับคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ผู้ร้องที่ ๑ จะมิได้ยกปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวขึ้นอ้างในศาลชั้นต้นก็ย่อมยกขึ้นอ้างในศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาได้ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าข้ออุทธรณ์ของผู้ร้องที่ ๑ ที่ว่าผู้ร้องที่ ๑ เป็นหุ้นส่วนซึ่งจดทะเบียนยังไม่ได้เลิก ตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๗๒ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ ๔ มีสิทธิบังคับคดีได้เฉพาะผลกำไรหรือเงินซึ่งห้างหุ้นส่วนค้างชำระแก่จำเลยที่ ๔ เท่านั้น ผู้ร้องที่ ๑ ไม่ได้ยกข้อกฎหมายดังกล่าวขึ้นอ้างในศาลชั้นต้น และไม่ใช่ข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนจึงไม่รับวินิจฉัยให้นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าห้างหุ้นส่วนผู้ร้องที่ ๑ เป็นห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนยังไม่ได้เลิกกันโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ ๔ ผู้เป็นหุ้นส่วนเฉพาะตัวจึงใช้สิทธิได้เพียงผลกำไรหรือเงินซึ่งห้างหุ้นส่วนผู้ร้องที่ ๑ ค้างชำระแก่จำเลยที่ ๔ เท่านั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๗๒ ที่ผู้ร้องที่ ๑ ยกขึ้นอ้างทรัพย์ของห้างหุ้นส่วนผู้ร้องที่ ๑ รายการที่ ๑ – ที่ ๑๒ ที่โจทก์นำยึดไม่ใช่ผลกำไรหรือเงินซึ่งห้างหุ้นส่วนผู้ร้องที่ ๑ ค้างชำระแก่จำเลยที่ ๑ โจทก์จึงนำยึดมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาไม่ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปล่อยทรัพย์รายการที่ ๑ – ที่ ๑๒ ที่โจทก์นำยึดคืนแก่ผู้ร้องที่ ๑

Share