คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3839/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ระยะเวลา 10 ปี ตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 มิใช่อายุความฟ้องร้องคดี เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายโดยมูลหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่ง มูลหนี้ดังกล่าวเป็นสิทธิเรียกร้องอันตั้งหลักฐานขึ้นโดยคำพิพากษาชั้นที่สุดของศาลจึงมีอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 168 หลังจากศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2522 แล้ว โจทก์ก็ได้ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาจนมีการยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม2523 ได้เงินชำระหนี้ให้โจทก์บางส่วนในวันดังกล่าว การดำเนินการชั้นบังคับคดีจนถึงวันที่ 19 มีนาคม 2523 จึงเป็นการดำเนินการภายใน10 ปี นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแพ่งซึ่งย่อมเป็นเหตุทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173โจทก์ฟ้องคดีล้มละลายนี้เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2533 ยังไม่ล่วงเลยกำหนดเวลา 10 ปี ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 415/2522 เป็นเงิน 52,138.08 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12 ต่อปีของต้นเงิน 40,000 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ กับค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลไม่สั่งคืนแก่โจทก์ และค่าทนายความอีก 2,606.90 บาท โจทก์บังคับคดียึดที่ดินของจำเลยมาขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ได้เพียงบางส่วนแล้วเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2523 จำเลยยังมียอดหนี้ค้างชำระโจทก์อยู่อีก29,605.26 บาท จำเลยไม่มีทรัพย์สินอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะพึงยึดมาชำระหนี้ได้ เพียงสิ้นวันที่ 19 มีนาคม 2533 จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาจำนวน 65,151.05 บาท อันเป็นหนี้ที่ถึงกำหนดชำระมีจำนวนแน่นอนเกินกว่า 50,000 บาท จำเลยจึงเป็นบุคคลผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยให้การว่า จำเลยมีสิทธิครอบครองในที่ดิน 1 แปลงเนื้อที่ 83 ไร่เศษ ตั้งอยู่ตำบลอุดมทรัพย์ อำเภอปักธงชัยจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจำเลยซื้อมาจากผู้มีชื่อและกำลังเกิดกรณีพิพาทกับผู้ขาย โดยจำเลยได้ฟ้องผู้ขายต่อศาลชั้นต้นในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 1714/2532 เป็นคดีมีทุนทรัพย์ถึง 2,500,000 บาท ซึ่งจำเลยสามารถชำระค่าขึ้นศาลจำนวน 62,620 บาท ต่อศาลได้จำเลยมิได้เป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัวโจทก์เอามูลหนี้ที่เกิน10 ปี และขาดอายุความบังคับคดีแล้วมาฟ้องโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษากลับ ให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดได้มอบอำนาจให้นายวิบูลย์ ลิมปปัทมปาณีฟ้องและดำเนินคดีนี้แทนโจทก์ จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 415/2522 ซึ่งคดีดังกล่าวศาลได้พิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2522ว่า ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 52,138.08 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12 ต่อปีในต้นเงิน 40,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จและค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลไม่สั่งคืนและค่าทนายความอีก 2,606.90 บาท โดยให้ผ่อนชำระตามงวดหากผิดนัดยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันทีรวมทั้งบังคับจำนองที่ดินซึ่งเป็นหลักประกันด้วยตามเอกสารหมาย จ.3 คดีถึงที่สุดแล้ว ต่อมาจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้และโจทก์ได้บังคับคดียึดทรัพย์จำนองซึ่งเป็นที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 98 ตำบลสะแกราช อำเภอปักธงชัยจังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่ 37 ไร่ 3 งาน 63 ตารางวา ของจำเลยออกขายทอดตลาดได้เงินชำระหนี้ให้โจทก์บางส่วนเมื่อวันที่ 19มีนาคม 2523 คงมียอดหนี้เหลือค้างชำระในวันดังกล่าว 29,605.26 บาทหลังจากนั้นจำเลยไม่เคยชำระหนี้ให้โจทก์อีกและเป็นหนี้โจทก์รวมทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยนับถึงวันฟ้องคือวันที่ 19 มีนาคม 2533 จำนวน65,151.04 บาท ตามเอกสารหมาย จ.4 ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์เอามูลหนี้ในคดีแพ่งมาฟ้องเป็นคดีนี้หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแพ่งเกิน 10 ปี ขาดอายุความแล้ว นั้น เห็นว่าระยะเวลา 10 ปีตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 มิใช่อายุความฟ้องร้องคดี เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายโดยอาศัยมูลหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 415/2522 ของศาลชั้นต้นมูลหนี้ดังกล่าว เป็นสิทธิเรียกร้องอันตั้งหลักฐานขึ้นโดยคำพิพากษาชั้นที่สุดของศาลจึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 168 ข้อเท็จจริงได้ความว่า หลังจากศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2522 แล้วโจทก์ก็ได้ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาจนมีการยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2523 ได้เงินชำระหนี้ให้โจทก์บางส่วนในวันดังกล่าว การดำเนินการชั้นบังคับคดีจนถึงวันที่ 19มีนาคม 2523 จึงเป็นการดำเนินการภายใน 10 ปีนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแพ่งซึ่งย่อมเป็นเหตุทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 โจทก์ฟ้องคดีล้มละลายนี้เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2533 ยังไม่ล่วงเลยกำหนดเวลา 10 ปี ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share