แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยทั้งสี่ร่วมกันละเมิดลิขสิทธิ์ในงานศิลปกรรมและสิ่งบันทึกเสียงซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เสียหาย ไม่ได้บรรยายว่า การกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นการกระทำเพื่อการค้า การกระทำของจำเลยทั้งสี่ตามที่โจทก์บรรยายฟ้องจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537มาตรา 28(1),69 วรรคหนึ่ง การที่ศาลทรัพย์สินฯ พิพากษาว่าจำเลยทั้งสี่มีความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า ลงโทษตามมาตรา 28(1),69 วรรคสองจึงไม่ถูกต้อง ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยทั้งสี่ไม่ได้อุทธรณ์ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาฯ มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยให้ถูกต้องได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537มาตรา 4, 6, 8, 27, 28, 31, 61, 69, 70, 75, 76 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32,33, 83, 91 ริบของกลางทั้งหมด โดยให้วิดีโอซีดี 1,410 แผ่น แผ่นแสตมเปอร์ 30 แผ่นแผ่นฟิล์ม 30 แผ่น และแผ่นสกรีน 15 แผ่น ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ สั่งจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายเจ้าของลิขสิทธิ์ด้วย
จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 27(1), 28(1), 31(1)ประกอบมาตรา 69 วรรคสอง, 70 วรรคสอง การกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันทำซ้ำแก่งานสร้างสรรค์ประเภทภาพยนตร์ของผู้อื่นซึ่งมีลิขสิทธิ์ตามกฎหมายเพื่อการค้าร่วมกันมีไว้เพื่อขายซึ่งงานดังกล่าว เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษฐานร่วมกันทำซ้ำงานดังกล่าวอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537มาตรา 28(1) ประกอบมาตรา 69 วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ลงโทษจำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน ฐานร่วมกันละเมิดลิขสิทธิ์ในงานสร้างสรรค์ประเภทศิลปกรรมซึ่งเกี่ยวกับภาพยนตร์และสิ่งบันทึกเสียง วางโทษจำคุกคนละ 6 เดือน รวมจำคุกคนละ 2 ปี จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คนละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 1 ปี พฤติการณ์แห่งคดีเป็นกรณีที่มีการกระทำละเมิดในลักษณะของการเป็นแหล่งผลิต มีเครื่องจักรถึง 3 เครื่อง กรณีจึงเป็นเรื่องร้ายแรงไม่สมควรรอการลงโทษ ริบของกลางทั้งหมดโดยให้วีดีโอซีดีของกลาง จำนวน 1,410แผ่น แผ่นแสตมเปอร์ จำนวน 30 แผ่น แผ่นฟิล์ม 30 แผ่น และแผ่นสกรีน จำนวน15 แผ่น ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า…
อนึ่ง โจทก์บรรยายฟ้องข้อ (ข) แต่เพียงว่า จำเลยทั้งสี่กับพวกร่วมกันละเมิดลิขสิทธิ์ในงานสร้างสรรค์ประเภทศิลปกรรมซึ่งเกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ และสิ่งบันทึกเสียงดังกล่าวซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายที่ 4, ที่ 6, ที่ 7, ที่ 8 และที่ 9 ด้วย การนำภาพของศิลปินและภาพในภาพยนตร์ต่าง ๆ ตามเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 2, 3 และ 4มาทำซ้ำ พิมพ์ลงบนแผ่นฟิล์ม จำนวน 30 แผ่น และแผ่นสกรีน จำนวน 15 แผ่น เพื่อนำไปใช้เป็นแม่พิมพ์โดยใช้วิธีการทางการพิมพ์ทำซ้ำให้ปรากฏลงแผ่นซีดี ซึ่งจำเลยทั้งสี่กับพวกรู้อยู่แล้วว่า งานศิลปกรรมดังกล่าวเป็นงานที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งห้า และโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เสียหายเท่านั้น แต่ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าการกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นการกระทำเพื่อการค้า การกระทำของจำเลยทั้งสี่ตามที่โจทก์บรรยายฟ้องดังกล่าว จึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537มาตรา 28(1), 69 วรรคหนึ่ง ซึ่งต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาทการที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่าจำเลยทั้งสี่มีความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าลงโทษตามมาตรา 28(1), 69 วรรคสองจึงไม่ถูกต้อง ปัญหาดังกล่าวนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยทั้งสี่ไม่ได้อุทธรณ์ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีอำนาจยกขึ้นมาวินิจฉัยแก้ไขให้ถูกต้องได้
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดฐานร่วมกันละเมิดลิขสิทธิ์ในงานสร้างสรรค์ประเภทศิลปกรรมอันเกี่ยวกับภาพยนตร์ และสิ่งบันทึกเสียงอันเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายที่ 4, ที่ 6, ที่ 7, ที่ 8 และที่ 9 ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539มาตรา 28(1), 69 วรรคหนึ่ง ลงโทษปรับ 80,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงปรับ 40,000บาท เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วเป็นจำคุก 9 เดือน และปรับ 40,000 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง