แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดและหักทอนบัญชีเดินสะพัดกับจำเลยแล้ว หลังจากนั้นจำเลยนำเงินไปชำระหนี้ให้โจทก์อีกจะด้วยวิธีใดก็ตาม ก็ไม่ทำให้บัญชีเดินสะพัดที่โจทก์บอกเลิกแล้วกลับคงเดินสะพัดต่อไปและการที่โจทก์รับชำระหนี้จากจำเลยหลังจากที่บอกเลิกสัญญาแล้ว ก็หาใช่เป็นการสละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาหรือผ่อนเวลาชำระหนี้ไม่.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2530 จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์โดยใช้บัญชีกระแสรายวันเดินสะพัดและได้ทำบันทึกเพิ่มวงเงินกู้และต่อสัญญากู้อีกหลายครั้งรวมเป็นวงเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี 4,220,000 บาทโดยจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ร่วมกันทำสัญญาจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์อีกหลายฉบับ ต่อมาจำเลยที่ 1 เป็นหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีคิดถึงวันที่ 24 มิถุนายน 2525 เป็นเงิน 6,676,272.12 บาทจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังจำเลยทั้งสองแล้ว จำเลยไม่ชำระหนี้ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองเป็นเงิน 6,676,272.12 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จหากไม่ชำระขอให้มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดชำระหนี้ หากไม่ครบให้ยึดทรัพย์สินอื่นชำระหนี้จนครบ
จำเลยทั้งสองให้การว่าได้ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีจริงการจำนองไม่มีเงื่อนเวลากำหนดโจทก์ไม่มีสิทธิบังคับจำนองโจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริตจำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์มาตลอดขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 6,327,492.08บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปีนับจากวันที่ 27 กุมภาพันธ์2525 จนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระให้โจทก์ หากไม่ครบให้ยึดทรัพย์ของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดต่อไป แต่ให้ัหกเงิน 40,000 บาทที่จำเลยชำระให้โจทก์ในภายหลังออกเสียก่อน ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 15,000 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าที่จำเลยฎีกาว่าหลังจากโจทก์ได้บอกเลิกสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับจำเลยที่ 1 และบอกกล่าวบังคับจำนองแล้ว โจทก์ได้ยอมรับเงิน 40,000 บาทที่จำเลยนำเข้าบัญชีเพื่อชำระดอกเบี้ยและเงินต้นถือได้ว่าเป็นการสละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาและเป็นการผ่อนเวลาบัญชีเดินสะพัดระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 ยังคงดำเนินต่อไปนั้นเห็นว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 859 บัญญัติว่าคู่สัญญาจะบอกเลิกบัญชีเดินสะพัดและหักทอนบัญชีเสียในเวลาใด ๆ ก็ได้ข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดและหักทอนบัญชีเดินสะพัดกับจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่9 กุมภาพันธ์ 2525 ตามบัญชีเดินสะพัดจำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์อยู่ 6,251,155.03 บาทการที่หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ได้นำเงิน40,000 บาทไปชำระหนี้จะด้วยวิธีใดก็ตาม ก็หาได้ทำให้บัญชีเดินสะพัดที่คู่สัญญาบอกเลิกแล้วกลับคงเดินต่อไปอย่างที่จำเลยฎีกาไม่ ทั้งการที่โจทก์รับชำระหนี้หลังจากที่บอกเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดก็หาใช่เป็นการสละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาหรือผ่อนเวลาชำระหนี้แต่ประการใดไม่ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้นศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน.