คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 381/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นตำรวจกองบังคับการตำรวจรถไฟมีหน้าที่อารักขาพนักงานรถไฟสืบสวนคดี และถ่ายรูปประกอบคดีในเขตการรถไฟแต่กองบังคับการไม่มีปืนพกและกล้องถ่ายรูปใช้จึงให้จำเลยเบิกจากกองกำกับการตำรวจรถไฟเพื่อใช้ในราชการ เจ้าหน้าที่ได้มอบปืนพก 1 กระบอกและกล้องถ่ายรูป 1 กล้องให้แก่จำเลยไปเพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลย ต่อมาจำเลยหลบหนีราชการและได้เบียดบังเอาปืนและกล้องถ่ายรูปนั้นไว้เป็นของตนโดยทุจริตดังนี้จำเลยมิใช่เจ้าพนักงานซึ่ง ทำจัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 147แห่งประมวลกฎหมายอาญา จำเลยจึงไม่ผิดตามมาตรานี้แต่ผิดตามมาตรา 158

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147,158, 91 และขอให้ใช้ราคาทรัพย์กับนับโทษต่อ

จำเลยให้การรับสารภาพโจทก์ขอสืบพยานประกอบ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเป็นตำรวจกองบังคับการตำรวจรถไฟ มีหน้าที่อารักขาพนักงานรถไฟ สืบสวนคดีและถ่ายรูปประกอบคดีในเขตการรถไฟ แต่กองบังคับการไม่มีปืนพกและกล้องถ่ายรูปใช้ จึงให้จำเลยเบิกจากกองกำกับการตำรวจรถไฟเพื่อใช้ในราชการ เจ้าหน้าที่ได้มอบปืนพก 1 กระบอกพร้อมซองใส่กระสุนและกระสุนปืนให้แก่จำเลยไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้มอบกล้องถ่ายรูป 1 กล้องให้แก่จำเลยไปอีกเพื่อไปใช้ในราชการ เวลาต่อมาจำเลยได้ลาราชการแล้วหลบหนีราชการไป จำเลยได้เบียดบังเอาปืนและกล้องถ่ายรูปที่ได้รับมอบไว้นั้นเป็นของตนโดยทุจริต

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมิได้มีหน้าที่เป็นผู้ปกครองรักษาทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 พิพากษาว่าจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 158, 91 รวม 2 กระทง ลดฐานรับสารภาพให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี และให้นับโทษต่อคดีอาญาแดงของศาลแขวงพระนครเหนือ กับให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์ที่ยังขาดอยู่ตามที่โจทก์ขอคำขอที่ให้ลงโทษตามมาตรา 147 ให้ยกเสีย

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 147 ด้วย

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏหน้าที่ของจำเลยก็คือทำการอารักขาพนักงานรถไฟ สืบสวนคดี และถ่ายรูปประกอบคดี มิใช่เจ้าพนักงานซึ่ง ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 147 การที่จำเลยรับปืนและกล้องถ่ายรูปไว้ก็มีหน้าที่จะปกครองหรือรักษาไว้เพื่อใช้ในการปฏิบัติตามราชการเกี่ยวแก่หน้าที่ของจำเลยเท่านั้นการกระทำดังกล่าวกฎหมายได้บัญญัติเป็นความผิดไว้ตามมาตรา 158 แล้ว หาเป็นความผิดตามมาตรา 147 ไม่ พิพากษายืน

Share