คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะที่พยานโจทก์ปากแรกเบิกความไปเพียงครึ่งปากยังไม่หมดข้อซักถามของโจทก์ ๆ ก็ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมตำบลที่เกิดเหตุในฟ้องขึ้นอีกแห่งหนึ่งเพื่อให้ชัดเจนขึ้นซึ่งไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีแล้วศาลย่อมอนุญาตให้แก้ได้
เมื่อสารวัตรใหญ่ผู้บังคับบัญชาจำเลยซึ่งเป็นนายทะเบียนคนต่างด้าวและเป็นเจ้าหน้าที่โดยตรงได้มอบหมายหน้าที่เฉพาะส่วนอันเกี่ยวกับเรื่องแสตมป์อากรตลอดจนฎีกาและบัญชีให้จำเลยเป็นผู้ดำเนินงาน จึงถือได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ในการนี้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นสองสำนวนหาว่าจำเลย ทุจริตต่อหน้าที่โดยเบิกรับแสตมป์อากรมาจำหน่ายและบัญชีต่ำกว่าจำนวนแท้จริงแล้วยักยอกเงินนั้นเสีย กับปลอมฎีกาเบิกแสตมป์อากร ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธทั้งสองสำนวน แต่กลับให้การรับสารภาพเมื่อสืบพยานโจทก์หมดแล้วและไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ก.ม.อาญา ม.๑๓๑,๒๓๐,๒๒๙, แก้ไขฯ รวมกะทงลงโทษ ๑๐ ปี ลดตาม ม.๕๙ คงจำคุกจำเลย ๖ ปี ๘ เดือน
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่าที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องเพิ่มเติมตำบลที่เกิดเหตุอีกแห่งหนึ่งไม่ชอบ และเรื่องแสตมป์อากรเป็น หน้าที่ของนายทะเบียนคนต่างด้าว จำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ในการนั้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าปรากฏว่าพยานปากแรกของโจทก์เบิกความตอบข้อถามของโจทก์เพียงครึ่งเดียวยังไม่ทันหมดข้อซักถามของโจทก์ ๆ ก็ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมสถานที่เกิดเหตุเพิ่มตำบลราชบพิตร อำเภอพระนคร ขึ้นอีกแห่งหนึ่งเพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้นเท่านั้นมิได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีอย่างใด ศาลฎีกาเห็นว่าคำสั่งศาลชั้นต้น (ที่อนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมสถานที่เกิดเหตุ) ชอบแล้ว
เรื่องจำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ในเรื่องแสตมป์อากรทะเบียนคนต่างด้าว จริงอยู่สารวัตรใหญ่เป็นนายทะเบียนคนต่างด้าวและเป็นเจ้าหน้าที่โดยตรงในการนี้ แต่จำเลยก็รับราชการเป็นตำรวจอยู่ในที่นั้น และสารวัตรใหญ่ผู้บังคับบัญชาได้มอบหมายหน้าที่ราชการเฉพาะส่วนอันเกี่ยวกับเรื่องแสตมป์ตลอดจนฎีกาและบัญชีคุมยอดแสตมป์ให้จำเลยเป็นผู้ดำเนินงาน และหน้าที่ดังกล่าวนี้ไม่ใช่เรื่องอันเกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของนายทะเบียนคนต่างด้าวกระทำด้วยตนเองโดยเฉพาะจำเลยจึงเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ในการนี้ จึงพิพากษายืน.

Share