คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องกล่าวโทษหรือฟ้องว่าเกิดการกระทำผิดขึ้นตามความในกฎหมายอาญามาตรา 158, 159 นั้นเป็นเรื่องฟ้องว่ากระทำความผิดในทางอาญา
ฟ้องคดีแพ่ง แม้จะกล่าวว่าเป็นเรื่องยักยอก แม้จะเป็นเท็จก็ไม่มีผิดฐานฟ้องเท็จตาม ม.158, 159.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฟ้องคดีแพ่งเท็จเรียกราคาทรัพย์หรือค่าทดแทน ๑๓๐๐ บาท โดยกล่าวว่าจำเลยฟ้องว่า โจทก์เป็นหุ้นส่วนของจำเลยและเอารถยนตร์ของหุ้นส่วน ๒ คันไปขายเอาเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย ขอให้คืนรถยนตร์หรือใช้ราคา ๓๘๐๐ บาท ความจริงรถยนตร์ดังกล่าวเป็นทรัพย์ส่วนตัวของโจทก์
ศาลชั้นต้นไม่ประทับฟ้องในคดีอาญา คงดำเนินฉะเพาะคดีแพ่งต่อไป และเมื่อสอบถามคู่ความแล้วงดสืบพะยาน พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ฉะเพาะคำสั่งศาลชั้นต้น
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกา เห็นว่า คำว่าฟ้องกล่าวโทษหรือฟ้องว่า เกิดการกระทำผิดขึ้นตามมาตรา ๑๕๘, ๑๕๙ นั้น เป็นเรื่องฟ้องว่ากระทำความผิดในทางอาญาทั้ง ๒ มาตรา แม้การฟ้องว่ายักยอกทรัพย์อาจเป็นทั้งทางแพ่งและทางอาญาก็ดี เมื่อไม่มีคำขอให้ลงอาญา ก็เรียกไม่ได้ว่าฟ้องกล่าวโทษหรือฟ้องว่าเกิดการกระทำผิดขึ้นดังกฎหมายบัญญัติไว้ จึงพิพากษายืน.

Share