คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3794/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การส่งคำบังคับให้จำเลยโดยปิดคำบังคับตามภูมิลำเนาที่ปรากฏในคำให้การของจำเลย และบันทึกคำให้การพยานที่จำเลยมาให้การเป็นพยานซึ่งเป็นการยอมรับว่าจำเลยยังมีภูมิลำเนาตรงตามที่โจทก์ระบุในฟ้องนั้น เป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 272 ประกอบมาตรา 79 โดยชอบแล้ว จำเลยไม่ปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำบังคับ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งออกหมายบังคับคดีแจ้งเจ้าพนักงานบังคับคดีตามมาตรา 276 เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมีอำนาจหน้าที่ตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งภาค 4 ลักษณะ 2 บัญญัติไว้ เมื่อปรากฏว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์ที่ดินของจำเลยมีรายงานการยึดทรัพย์ ประกาศการขายทอดตลาดโดยประกาศหนังสือพิมพ์ มีการซื้อทรัพย์สินคือที่ดินดังกล่าว และศาลชั้นต้นได้มีหนังสือแจ้งนายอำเภอซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบดำเนินการโอนสิทธิครอบครองในที่ดินให้ผู้ซื้อ และโจทก์ได้รับเงินชำระหนี้บางส่วนแล้วตามลำดับ การบังคับคดีเฉพาะทรัพย์สินรายนี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นลงไม่ปรากฏว่าจำเลยยื่นคำร้องคัดค้านการกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีก่อนหน้านั้นต่อศาลชั้นต้นแต่อย่างไร การที่จำเลยยื่นคำร้องภายหลังว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีทรัพย์สินรายนี้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี ค้ำประกันและจำนอง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินให้แก่โจทก์ แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระโจทก์จึงขอหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า การส่งคำบังคับ การออกหมายบังคับคดีและการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนการบังคับคดีและยกเลิกการขายทอดตลาดของจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า การส่งคำบังคับไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนการยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 2
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองต่างอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในปัญหาข้อแรกที่ว่าการส่งคำบังคับแก่จำเลยทั้งสองชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น เห็นว่า ตามคำให้การจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วม ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2531และบันทึกคำให้การพยานลงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2532 แสดงว่าจำเลยทั้งสองรับว่ายังมีภูมิลำเนาและอาศัยอยู่ตามบ้านเลขที่ 346หมู่ที่ 15 ถนนโชคชัยเดชอุดม ตำบลหนองกี่ อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ หรือร้านวิทยาการยาง ตรงตามที่โจทก์ระบุในฟ้อง หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีได้มีการส่งคำบังคับให้จำเลยทั้งสองโดยปิดคำบังคับตามภูมิลำเนาดังกล่าวตามรายงานเจ้าหน้าที่ลงวันที่ 13 มิถุนายน 2533 ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 272 ประกอบมาตรา 79 โดยชอบ ส่วนปัญหาที่ว่าการขายทอดตลาดชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น เห็นว่า เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำบังคับ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งออกหมายบังคับคดีแจ้งเจ้าพนักงานบังคับคดีตามมาตรา 276 เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมีอำนาจหน้าที่ตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งภาค 4 ลักษณะ 2 บัญญัติไว้ ปรากฏหลักฐานในสำนวนว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์ที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 3537 ตำบลหนองกี่อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ ของจำเลยที่ 1 มีรายงานการยึดทรัพย์ ประกาศการขายทอดตลาดโดยประกาศหนังสือพิมพ์ มีการซื้อทรัพย์สินคือที่ดินดังกล่าว และศาลชั้นต้นได้มีหนังสือแจ้งนายอำเภอหนองกี่ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบดำเนินการโอนสิทธิครอบครองในที่ดินให้ผู้ซื้อ และโจทก์ได้รับเงินชำระหนี้บางส่วนแล้วตามลำดับ การบังคับคดีเฉพาะทรัพย์สินรายนี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นลง ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องคัดค้านการกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีก่อนหน้านั้นต่อศาลชั้นต้นแต่อย่างไรการที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องลงวันที่ 24 เมษายน 2534 ภายหลังว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีทรัพย์สินรายนี้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง
พิพากษายืน

Share