คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3793/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินจำนองของจำเลยที่ 2 ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ แม้สัญญาจำนองจะมิได้ระบุให้การจำนองครอบไปถึงสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินด้วยก็ตาม โจทก์ก็มีสิทธิยึดสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 พร้อมที่ดินจำนองออกขายทอดตลาดได้โดยอาศัย ป.พ.พ. มาตรา 719 วรรคสอง ที่ให้อำนาจผู้รับจำนองยึดเอาสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินที่จำนองออกขายทอดตลาดรวมไปกับที่ดินได้ เนื่องจากสิ่งปลูกสร้างเป็นส่วนควบของที่ดินที่จำนอง โดยโจทก์ไม่จำต้องขอให้ศาลระบุในหมายบังคับคดี กับไม่จำต้องระบุในคำขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีว่าให้ยึดสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินที่จำนอง และไม่จำต้องแสดงหลักฐาน ให้ศาลเห็นว่าหากขายสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินรวมไปจะทำให้การขายทอดตลาดกระทำได้ง่ายและจะได้ราคาด้วย ทั้งการบังคับคดีดังกล่าวก็มิใช่เป็นการบังคับคดีเกินหรือนอกเหนือจากที่ได้ระบุในหมายบังคับคดีแต่อย่างใด การยึดทรัพย์ของโจทก์เป็นการดำเนินการที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลเพิกถอนการยึดสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินจำนองดังกล่าวได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน พร้อมดอกเบี้ยหากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 44023 ตำบลอรุณอมรินทร์ อำเภอบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ของจำเลยที่ 2 ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ต่อมาวันที่ 28 สิงหาคม 2544 โจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์จำนองดังกล่าวของจำเลยที่ 2 พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 95/796 เพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องว่า สิ่งปลูกสร้างเลขที่ 95/796 ซึ่งปลูกสร้างบนทรัพย์จำนองดังกล่าวถูกปลูกสร้างขึ้นภายหลังจากมีการจำนองที่ดินโดยในการจำนองที่ดินไม่ได้ระบุให้ครอบไปถึงสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินที่จะมีขึ้นในภายหน้าสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 95/796 จึงไม่ใช่ทรัพย์จำนองและไม่ใช่ทรัพย์อันต้องรับผิดตามสัญญาจำนองและหมายบังคับคดี การบังคับคดีจึงเป็นการไม่ชอบ ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการยึดสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวข้างต้นและงดการบังคับคดีไว้ก่อนและให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมถอนการยึดดังกล่าวทั้งหมด
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ขณะทำสัญญาจำนองมีสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 95/796 ปลูกอยู่ก่อนแล้ว ทั้งสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นส่วนควบของที่ดิน การจำนองจึงครอบไปถึงสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวด้วย โจทก์มีอำนาจตามกฎหมายที่จะขายสิ่งปลูกสร้างไปพร้อมกับที่ดินที่จำนองและการขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะทำให้ได้ราคามากกว่าการขายที่ดินเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะเป็นผลดีต่อโจทก์และจำเลยที่ 2 การยื่นคำร้องของจำเลยที่ 2 เป็นการประวิงคดี ขอให้ยกคำร้องและมีคำสั่งให้มีการบังคับคดีต่อไป
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินโจทก์โดยจำเลยที่ 2 จดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 44023 ตำบลอรุณอมรินทร์ อำเภอบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ไว้เป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ชำระหนี้และบังคับจำนอง เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดินดังกล่าวซึ่งมีสิ่งปลูกสร้างพิพาทปลูกอยู่บนที่ดินนั้นเพื่อนำออกขายทอดตลาดแต่สัญญาจำนองระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 มิได้ระบุว่าการจำนองที่ดินดังกล่าวนี้ครอบไปถึงสิ่งปลูกสร้างที่ปลูกอยู่บนที่ดินด้วย คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า การที่โจทก์นำยึดสิ่งปลูกสร้างพิพาทชอบหรือไม่ จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 จำนองเฉพาะที่ดิน มิได้จำนองสิ่งปลูกสร้างพิพาทด้วย ในหมายบังคับคดีระบุให้ยึดทรัพย์จำนองคือที่ดิน มิได้ระบุให้ยึดสิ่งปลูกสร้าง การที่โจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดสิ่งปลูกสร้างพิพาท จึงเป็นการบังคับคดีเกินหรือนอกเหนือที่ได้กำหนดไว้ในหมายบังคับคดีนั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 719 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “จำนองที่ดินไม่ครอบไปถึงเรือนโรงอันผู้จำนองปลูกสร้างลงในที่ดินภายหลังวันจำนอง เว้นแต่จะมีข้อความกล่าวไว้โดยเฉพาะในสัญญาว่าให้ครอบไปถึง” และวรรคสอง บัญญัติว่า “แต่กระนั้นก็ดีผู้รับจำนองจะให้ขายเรือนโรงนั้นรวมไปกับที่ดินด้วยก็ได้ แต่ผู้รับจำนองอาจใช้บุริมสิทธิของตนได้เพียงแก่ราคาที่ดินเท่านั้น”ตามวรรคสองของบทบัญญัติดังกล่าวให้อำนาจแก่ผู้รับจำนองที่จะยึดเอาสิ่งปลูกสร้างอันผู้จำนองปลูกสร้างบนที่ดินที่จำนองออกขายทอดตลาดได้ด้วย โจทก์จึงมีสิทธิที่จะยึดสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 พร้อมกับที่ดินด้วยโดยไม่จำเป็นต้องขอให้ศาลระบุในหมายบังคับคดีว่าให้ยึดสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินที่จำนองด้วย และมิใช่เป็นการบังคับคดีเกินหรือนอกเหนือจากที่ได้ระบุในหมายบังคับคดีแต่อย่างใด และที่จำเลยที่ 2 อ้างมาในฎีกาอีกว่า โจทก์ไม่ได้ดำเนินการขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีเพื่อนำยึดสิ่งปลูกสร้างพิพาทด้วย อีกทั้งไม่ได้แสดงหลักฐานให้ศาลเห็นว่าหากขายสิ่งปลูกสร้างรวมไปกับที่ดินที่จำนอง ก็จะทำให้การขายทอดตลาดกระทำได้ง่ายและจำได้ราคานั้น เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 719 วรรคสอง อันเป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจขายสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินที่จำนองด้วย ก็เนื่องจากสิ่งปลูกสร้างเป็นส่วนควบของที่ดินโดยสภาพย่อมติดตรึงตรารวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับที่ดินที่เป็นทรัพย์ประธาน กฎหมายจึงให้สิทธิโจทก์ที่จะยึดสิ่งปลูกสร้างนั้นพร้อมกับที่ดินด้วยได้ในฐานะที่เป็นส่วนควบโดยโจทก์ไม่จำเป็นต้องระบุในคำขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีอีกทั้งโจทก์ไม่จำต้องแสดงหลักฐานให้ศาลเห็นว่าหากขายสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินรวมไปด้วย จะทำให้การขายทอดตลาดกระทำได้ง่ายและจะได้ราคาแต่ประการใด การยึดทรัพย์ดังกล่าวของโจทก์เป็นการดำเนินการที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว จำเลยที่ 2 ไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนการยึดสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินที่จำนอง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 2 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share