คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3791/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทรัพย์ที่ขายทอดตลาดเป็นสถานีบริการน้ำมัน มีบ้านบังกาโลว์4 หลัง ถ้าแยกขายผู้ซื้อก็จะต้องรื้อสิ่งปลูกสร้างไปอาจทำให้ขายได้ราคาต่ำกว่าขายรวมกัน เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมีอำนาจขายทรัพย์สินดังกล่าวรวมกันได้ ไม่เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้โจทก์เป็นการไถ่ถอนจำนอง แต่จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติ โจทก์ขอบังคับคดีโดยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ที่จำนองขายทอดตลาดคือที่ดิน ๑ แปลง เนื้อที่ประมาณ ๒๐ ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างมีอาคารสถานีบริการน้ำมันและที่เติมน้ำมัน ๒ หลัง ร้านขายอาหาร ๒ ร้าน กับบ้านบังกาโลว์ ๔ หลัง ได้เงินจากการขายทอดตลาด ๑,๘๒๐,๐๐๐ บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้แยกขายทรัพย์ทีละสิ่งแต่ขายรวมกันไป จึงได้ราคาต่ำกว่าความเป็นจริง เป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐๙ และผู้เข้าสู้ราคาสมคบกันกดราคา ขอให้สั่งขายทอดตลาดใหม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ทรัพย์สินที่ขายทอดตลาดเป็นสถานีบริการน้ำมันแม้จะมีบ้านบังกาโลว์ ๔ หลัง ก็เป็นบ้านชั้นเดียวขนาดเล็ก ถ้าแยกขายก็หมายความว่าผู้ซื้อจะต้องรื้อสิ่งปลูกสร้างเหล่านั้นไป อาจทำให้ขายได้ราคาต่ำกว่าขายรวมกันก็เป็นได้ จำเลยทั้งสองทราบวันเวลาขายทอดตลาดแล้วไม่ได้สนใจไปฟังการสู้ราคา ไม่ได้ร้องขอหรือเสนอแนะเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าควรจะขายอย่างไรจึงจะได้ราคา ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองขวนขวายหาผู้อื่นเข้าสู้ราคาด้วย ฉะนั้น ที่จำเลยทั้งสองว่าถ้าแยกขายจะได้ราคาดีกว่า จึงเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ การขายทรัพย์สินดังกล่าวเจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจขายรวมกันได้ ไม่เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐๙ และไม่มีพฤติการณ์ที่ชี้ให้เห็นว่าผู้เข้าสู้ราคาสมคบกันกดราคาให้ต่ำ จึงไม่มีเหตุสั่งยกเลิกหรือเพิกถอนการขายทอดตลาด
พิพากษายืน

Share