แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
กระบวนการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายนั้น ลำพังความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านที่ทำเสนอต่อศาลเกี่ยวกับการสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ย่อมไม่มีผลบังคับได้โดยทันที จึงไม่อาจก่อให้เกิดผลเสียหายแก่เจ้าหนี้ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้ ดังนั้น การที่ผู้คัดค้านทำความเห็นเสนอต่อศาลเกี่ยวกับคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้อง โดยเห็นควรให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้เป็นเงิน 3,013,498.94 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ จึงยังมิได้ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย กรณีไม่ต้องด้วยพ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 146 ที่ผู้ร้องจะร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแก้ไขความเห็นของผู้คัดค้านดังกล่าวได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2544 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์คาเธ่ย์ไฟน์แนนซ์ จำกัด (มหาชน) ลูกหนี้เด็ดขาด ต่อมาวันที่ 11 กันยายน 2544 ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามหนังสือสัญญาค้ำประกันเป็นเงิน 3,045,697.97 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ ผู้คัดค้านนัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 104 แล้ว มีกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเจ้าหนี้รายที่ 33 โต้แย้งว่า ผู้ร้องขอรับชำระหนี้เกินสิทธิที่จะพึงได้รับและนางกฤษณา อุไรเวโรจนากร ผู้ชำระบัญชีของลูกหนี้โต้แย้งว่าดอกเบี้ยที่ขอรับชำระหนี้ขัดต่อกฎหมาย ผู้คัดค้านสอบสวนแล้วทำความเห็นเสนอต่อศาลว่าเห็นควรให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้เป็นเงิน 3,013,498.94 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ตามมาตรา 130 (7) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 โดยมีเงื่อนไขว่า หากผู้ร้องได้รับชำระหนี้ดังกล่าวจากบริษัทไทยบาวเออร์ จำกัด ในฐานะลูกหนี้ชั้นต้นแล้วเพียงใด ให้สิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ในคดีลดลงเพียงนั้น และผู้คัดค้านจะจ่ายเงินให้แก่ผู้ร้องต่อเมื่อผู้คัดค้านได้แบ่งเงินให้แก่เจ้าหนี้รายที่ยังไม่เคยได้รับส่วนแบ่งจาก ปรส. จนมีอัตราเท่าเทียมกับเจ้าหนี้ที่เคยได้รับส่วนแบ่งจาก ปรส. ไปแล้ว ส่วนที่ขอเกินมาให้ยกเสีย ต่อมาวันที่ 12 ธันวาคม 2545 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้ตามความเห็นของผู้คัดค้านและแจ้งให้ผู้คัดค้านทราบคำสั่งของศาลดังกล่าวแล้ว ตามสำเนาหนังสือฉบับลงวันที่ 21 มกราคม 2546
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ที่ผู้คัดค้านมีคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้โดยมีเงื่อนไขดังกล่าวนั้น ไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย ขอให้มีคำสั่งแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งของผู้คัดค้านใหม่เป็นว่า ให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้ตามหนังสือสัญญาค้ำประกันเป็นเงิน 3,013,498.94 บาท โดยไม่มีเงื่อนไข
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ความเห็นของผู้คัดค้านดังกล่าวไม่ได้ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายแต่อย่างใด เนื่องจากศาลอาจไม่เห็นด้วยกับความเห็นของผู้คัดค้านดังกล่าวก็ได้ ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแก้ไขความเห็นของผู้คัดค้านนั้นได้ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีล้มละลายพิพากษายืน ผู้คัดค้านแก้คดีเอง จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ที่ผู้ร้องฎีกาข้อแรกทำนองว่า การที่ผู้คัดค้านทำความเห็นเสนอต่อศาลเกี่ยวกับคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องโดยเห็นควรให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้เป็นเงิน 3,013,498.94 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ โดยมีเงื่อนไขรายละเอียดปรากฏตามรายงานความเห็นผู้คัดค้านฉบับลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2545 นั้น เป็นการกระทำหรือคำวินิจฉัยของผู้คัดค้านที่ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย ผู้ร้องจึงมีอำนาจยื่นคำร้องต่อศาลตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 146 เพื่อให้ศาลมีคำสั่งแก้ไขความเห็นของผู้คัดค้านดังกล่าวได้นั้น เห็นว่า ในกระบวนการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายนั้น กฎหมายกำหนดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องดำเนินการสอบสวนพยานหลักฐานต่าง ๆ แล้วทำความเห็นส่งสำนวนคำขอรับชำระหนี้เสนอต่อศาลตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 105 เพื่อศาลจะได้มีคำสั่งตามมาตรา 106 และมาตรา 107 ต่อไป ซึ่งศาลจะมีคำสั่งไม่อนุญาตหรืออนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เต็มจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ และจะมีคำสั่งตามความเห็นที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำเสนอมาหรือไม่ก็ได้ เมื่อศาลมีคำสั่งอย่างไรแล้วเจ้าหนี้ที่ยื่นขอรับชำระหนี้ชอบที่จะอุทธรณ์ฎีกาต่อไปได้ เช่นนี้ลำพังความเห็นของผู้คัดค้านที่ทำเสนอต่อศาลเกี่ยวกับการสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ย่อมไม่มีผลบังคับได้โดยทันทีแต่อย่างใด จึงไม่อาจก่อให้เกิดผลเสียหายแก่เจ้าหนี้ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้ ดังนั้น การที่ผู้คัดค้านทำความเห็นเสนอต่อศาลเกี่ยวกับคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้อง โดยเห็นควรให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้เป็นเงิน 3,013,498.94 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้โดยมีเงื่อนไขรายละเอียดปรากฏตามรายงานความเห็นผู้คัดค้านฉบับลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2545 จึงยังมิได้ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายแต่อย่างใด กรณีไม่ต้องด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 146 ที่ผู้ร้องจะร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแก้ไขความเห็นของผู้คัดค้านดังกล่าวได้ และศาลชอบที่จะมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องนั้นเสียได้ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องนั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาเป็นพับ.