คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2521

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

สัญญาจ้างทนายว่าความกำหนดค่าจ้างเป็นจำนวนเงินแน่นอนมิใช่แบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาท ไม่เป็นโมฆะทนายความของจำเลยในคดีที่จำเลยยอมความในศาลกับคู่ความที่เป็นผู้เยาว์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล ถือเป็นการที่ทนายความขาดความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่เป็นเหตุให้จำเลยเสียหายเพราะถูกฟ้องเพิกถอนการยอมความ ต้องลดค่าจ้างว่าความลงตามสมควร

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินค่าจ้างว่าความแก่โจทก์ 500,000 บาทกับดอกเบี้ย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้จำนวนเงินเป็น 470,000 บาท โจทก์จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าสัญญาจ้างว่าความตามฟ้องเป็นโมฆะหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์จำเลยทำสัญญาจ้างว่าความกันตามเอกสารหมาย ล.1 และ จ.1 จริง ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.1 ว่าจำเลยตกลงว่าจ้างโจทก์เป็นทนายความฟ้องนางกะฐิน กุนยะกานนท์ กับพวกเรียกทรัพย์มรดกนางผิน แจ่มวิชาสอน มารดา ตามสำนวนคดีหมายเลขดำที่3957/2512 หมายเลขแดงที่ 6359/2512 ของศาลแพ่ง โดยจำเลยตกลงให้ค่าจ้างโจทก์นายปุญณะ สุทธิประภา ทนายความร่วมกับโจทก์ หลวงสุทธิมนต์นฤนาท ที่ปรึกษากฎหมาย นางรันภา คฤหรัตน์ ผู้ช่วยเหลือแนะนำจำเลยรวมกันร้อยละ 10 ของราคาทรัพย์มรดกในกรณีประนีประนอมยอมความคดีดังกล่าวยุติด้วยการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจ้างว่าความตามเอกสารหมาย จ.1 ตกลงค่าจ้างว่าความรวมกันจำนวน 2,000,000 บาท เฉพาะส่วนของโจทก์ 800,000 บาทซึ่งเป็นจำนวนเงินแน่นอน มิใช่แบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินอันเป็นมูลพิพาทสัญญาจ้างว่าความตามเอกสารหมาย จ.1 ไม่ขัดต่อกฎหมาย ทั้งไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน สัญญาจ้างว่าความดังกล่าวไม่เป็นโมฆะ

ส่วนปัญหาเรื่องความระมัดระวังของโจทก์ในการว่าความ ในข้อที่โจทก์ไม่จัดการลงชื่อจำเลยในโฉนดที่ดินร่วมกับนางกะฐินนั้น จำเลยอ้างว่าโจทก์ขาดความระมัดระวังในการปฎิบัติหน้าที่ แต่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำกันไว้ ตกลงให้รังวัดแบ่งแยกที่ดินออกเป็นส่วนของจำเลยและนางกะฐินก่อน มิได้มีข้อตกลงให้จำเลยลงชื่อร่วมกับนางกะฐินก่อนแบ่งแยก การที่นางกะฐินโอนที่ดินให้แก่นายวิพล จึงมิใช่เป็นความบกพร่องของโจทก์ ส่วนที่นางสาวศรีประไพ กุยยะกานนท์ ผู้เยาว์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยโดยมิได้รับอนุญาตต่อศาลนั้น ถือได้ว่าโจทก์ในฐานะทนายความของจำเลยปฎิบัติหน้าที่โดยขาดความระมัดระวัง ถึงแม้ว่านางสาวศรีประไพฟ้องจำเลยขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความภายหลังที่จำเลยเพิกถอนอำนาจที่มอบให้โจทก์ แต่มูลเหตุเนื่องมาจากสัญญาประนีประนอมยอมความทำกันไว้ไม่สมบูรณ์บางส่วนในครั้งที่โจทก์เป็นทนายความของจำเลยถ้าโจทก์ได้ใช้ความระมัดระวังในการปฎิบัติหน้าที่แล้ว สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างจำเลยกับนางสาวศรีประไพ ผู้เยาว์ย่อมทำกันไม่ได้ เพราะมิได้เป็นไปตามกฎหมาย อนึ่งจำนวนค่าเสียหายที่ศาลอุทธรณ์กำหนด 30,000 บาทนั้น เมื่อพิเคราะห์ถึงความเสียหายที่จำเลยได้รับ เห็นว่าเป็นสมควร”

พิพากษายืน

Share