คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีฟ้องขับไล่ที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น. เมื่อผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีได้รับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง. และศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยให้. จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้.
จำเลยช่วยออกเงินค่าก่อสร้างให้แก่โจทก์และโจทก์ยอมให้จำเลยเช่ามีกำหนด 6 ปีนั้น. เป็นสัญญาต่างตอบแทน.เมื่อหมดอายุสัญญาเช่านั้นแล้ว. จำเลยได้เช่าต่อมาสัญญาเช่าใหม่นี้เป็นสัญญาเช่าธรรมดา. หาใช่สัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษนอกเหนือจากสัญญาเช่าไม่.
จำเลยส่งค่าเช่าไปชำระภายหลังโจทก์บอกเลิกไปแล้ว.หาทำให้สัญญาที่โจทก์บอกเลิกไปแล้วมีผลให้ต้องผูกพันโจทก์แต่ประการใดไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขับไล่ และให้จำเลยชำระค่าเสียหายถึงวันฟ้องเป็นเงิน 1,050 บาท กับค่าเสียหายต่อไปเดือนละ 300 บาท จนกว่าจำเลยจะออกจากห้องเช่า จำเลยต่อสู้ว่าได้ความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน และจำเลยได้ออกเงินช่วยค่าก่อสร้าง จำเลยชำระค่าเช่าแต่โจทก์ไม่ยอมรับ ศาลชั้นต้นเห็นว่าสัญญาเช่าสิ้นสุดแล้วและจำเลยได้รับหนังสือบอกเลิกการเช่าแล้ว จำเลยเสียเงินกินเปล่าให้โจทก์ ไม่ใช่เงินช่วยค่าก่อสร้าง ห้องพิพาทใช้ประกอบการค้าไม่เป็นเคหะอันจะได้รับความคุ้มครอง พิพากษาขับไล่ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย จำเลยอุทธรณ์ทั้งในปัญหาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณารับรองให้จำเลยอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ห้องพิพาทเดิมเป็นห้องไม้ บิดาจำเลยได้เช่าอยู่มาก่อน เมื่อบิดาจำเลยถึงแก่กรรมจำเลยเช่าต่อมา ประมาณ11 ปีมานี้โจทก์ได้รื้อห้องพิพาทแล้วสร้างเป็นตึกแถวแทน จำเลยได้ช่วยเงินค่าก่อสร้างให้โจทก์ 30,000 บาท โจทก์ตกลงให้จำเลยเช่ามีกำหนด 6 ปี เป็นการตอบแทนที่จำเลยช่วยเงินค่าก่อสร้างเมื่อครบ6 ปีแล้ว จำเลยได้เช่าอยู่ต่อมาอีก 5 ปี โดยเสียเงินกินเปล่าให้โจทก์อีก 15,000 บาท ครบกำหนดอายุสัญญาเช่าแล้ว โจทก์จึงบอกเลิกการเช่ากับจำเลย ศาลฎีกาเห็นว่าที่โจทก์ยอมให้จำเลยเช่า 6 ปี เพื่อเป็นการตอบแทนที่จำเลยช่วยเงินค่าก่อสร้างนั้น เป็นสัญญาต่างตอบแทนแต่สัญญาต่างตอบแทนได้สิ้นอายุลงไปแล้ว ส่วนสัญญาเช่าต่อมานั้นเป็นสัญญาเช่าธรรมดา หาใช่สัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษนอกเหนือจากสัญญาเช่าไม่ ฉะนั้น ที่จำเลยฎีกาว่า สัญญาต่างตอบแทนยังผูกพันโจทก์อยู่จึงฟังไม่ขึ้น ที่จำเลยฎีกาว่าทนายโจทก์ได้รับเงินค่าเช่าของจำเลยไว้แล้ว จึงถือว่าสิทธิการเช่าของจำเลยยังมีอยู่นั้นได้ความว่าโจทก์ได้บอกเลิกการเช่ากับจำเลยเมื่อสัญญาครบกำหนดแล้วการที่จำเลยส่งค่าเช่าไปชำระภายหลังโจทก์บอกเลิกการเช่านั้น หาทำให้สัญญาที่โจทก์บอกเลิกไปแล้วมีผลให้ต้องผูกพันโจทก์แต่ประการใดไม่ พิพากษายืน.

Share