คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฟ้องให้ลงโทษฐานหมิ่นประมาทจะต้องได้ความว่าจำเลยจงใจเจตนาใส่ความเพื่อให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
การที่โจทก์ไปเก็บเงินมาจากพ่อค้าแม่ค้าโดยวิธีที่ไม่งามนอกเหนือระเบียบแบบแผนการบริหารราชการ ส่อให้เห็นไปได้ว่าโจทก์ทำการทุจริตในหน้าที่ จำเลยจึงร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงชี้ว่าจำเลยเจตนาร้าย กลั่นแกล้งตรงข้ามกลับฟังได้ว่าจำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนผู้เป็นสมาชิกสภาเทศบาลและราษฎรในเขตเทศบาลกรณีต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329ย่อมไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ดำรงตำแหน่งเทศมนตรีเมืองเชียงราย ได้รับมอบหมายจากนายกเทศมนตรีฯ ให้ตรวจงานทุกแผนกในการบริหารงานของเทศบาลเมืองเชียงราย และให้ดูแลในการจัดตลาดสดของเทศบาลด้วย จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 เป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองเชียงรายจำเลยที่ 6 เป็นราษฎร ได้สมคบกันทำคำร้องใส่ความกล่าวโทษโจทก์ว่าได้ใช้อำนาจหน้าที่ในทางทุจริตเกี่ยวกับการเก็บเงินจากพ่อค้าแม่ค้าที่นำของมาขายในตลาดสด เกี่ยวกับการเสนอให้นายกเทศมนตรีรีบเปิดตลาด ยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนำเอาคำร้องนี้ป่าวประกาศโฆษณาและยังส่งข้อความบางตอนในคำร้องนี้ไปโฆษณาในหนังสือพิมพ์ ขอให้ลงโทษฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 136, 326, 328

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วทำการพิจารณาต่อมาแล้วพิพากษายกฟ้องอ้างว่าฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยใส่ความและแพร่ข่าวและโฆษณาดังฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ลงโทษปรับจำเลย

โจทก์ฎีกาให้ลงโทษหนัก แต่จำเลยฎีกาให้ยกฟ้อง

ศาลฎีกาเห็นว่า การฟ้องเป็นคดีอาญากล่าวหาขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทนั้น ข้อเท็จจริงจะต้องได้ความว่าจำเลยได้จงใจเจตนาใส่ความโจทก์เพื่อให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่น หรือเกลียดชังและกรณีที่โจทก์ผู้เสียหายเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติการต่อสาธารณ กล่าวคือ เป็นเจ้าพนักงานที่จะต้องปฏิบัติการตามหน้าที่ การแสดงความคิดเห็นหรือข้อความเกี่ยวกับการมิชอบในการปฏิบัติงานของโจทก์โดยสุจริตนั้น ย่อมไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 และศาลฎีกาเห็นว่า ตามรายงานการประชุมของเทศบาลแห่งนี้ เมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2501 (เอกสาร ล.14) นั้น ใช้เป็นพยานหลักฐานยันโจทก์ในโรงศาลได้ว่าโจทก์ได้รับข้อเท็จจริงในข้อที่โจทก์เป็นผู้ไปเก็บเงินมาจากพ่อค้าแม่ค้าโดยวิธีการที่ไม่งามนอกเหนือระเบียบแบบแผนการบริหารราชการจริง เมื่อเป็นดังนี้ ย่อมส่อให้คนทั้งหลายเห็นไปได้ว่า โจทก์เป็นผู้กระทำการทุจริตในหน้าที่ จำเลยจึงได้ทำคำร้องเรียนขึ้นพฤติกรรมของโจทก์มีทางให้คนธรรมดาคิดเห็นไปได้ว่า การปฏิบัติการในหน้าที่ของโจทก์เป็นไปโดยมิชอบ ไม่มีข้อเท็จจริงอื่นใดในคดีนี้จะชี้ได้ว่าจำเลยได้เจตนาร้าย กลั่นแกล้งใส่ความโจทก์โดยไม่สุจริตอย่างไร

รูปคดีฟังได้ว่า จำเลยได้แสดงความคิดเห็นหรือข้อความที่ถูกกล่าวหานี้โดยสุจริต เพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตาผู้เป็นสมาชิกสภาเทศบาลและราษฎรในเขตเทศบาลนั้น ตามคลองธรรมแล้ว กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลยทั้งสิ้นพ้นข้อหาไป

Share