แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรรมวิธีในการทำภาพในแผ่นแม่พิมพ์หรือเพลท จะต้องใช้ฟิล์มโพสซิติปทาบกับแผ่นเพลท แล้วปิดด้วยกระจกอัดให้ฟิล์มสนิทนแน่นกับแผ่นเพลทโดยวิธีดูดลม จากนั้นจึงฉายแสงอุลตราไวโอเลตผ่านฟิล์ม แล้วนำแผ่นเพลทไปล้างด้วยสารละลายจึงจะปรากฏภาพบนแม่พิมพ์หรือเพลทนั้น ดังนั้น เมื่อโจทก์นำเข้าแผ่นอะลูมิเนียมเคลือบสารไวแสงใช้ทำเป็นแม่พิมพ์ สินค้าดังกล่าวจึงเป็นแผ่นเพลทสำหรับใช้ทำแม่พิมพ์ มิใช่ฟิล์มสำหรับใช้ในการทำแม่พิมพ์ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ 37.01 ข. จึงมิได้รับการลดอัตราอากรจากอัตราร้อยละ 40 ลงเหลือร้อยละ 10 ตามประกาศกระทรวงการคลังที่ ศก.4/2515 ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2515 ที่ใช้บังคับขณะนำเข้า
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้สั่งและนำแผ่นเพลทที่เคลือบด้วยสารไวแสงสำหรับใช้ในการทำแม่พิมพ์จากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาในราชอาณาจักร โดยยื่นใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าว่าสินค้ามีราคา ๑๔๑,๙๗๙.๑๑ บาท เป็นสินค้าพิกัดประเภทที่ ๓๗.๐๑ ข. อัตราอากรร้อยละ ๔๐ ลดเหลือร้อยละ ๑๐ คิดเป็นอากรขาเข้า ๑๔,๑๙๗.๙๑ บาท ภาษีการค้า ๒,๙๔๐.๐๓ บาท และภาษีบำรุงเทศบาล ๒๙๔ บาท รวมเป็นเงิน ๑๗,๔๓๑.๙๔ บาท ต่อมาพนักงานของโจทก์ตรวจสอบพบว่าสินค้าดังกล่าวมิใช่ฟิล์มสำหรับทำแม่พิมพ์ อันเป็นสินค้าที่ได้รับการลดหย่อนอัตราอากรข้างต้นตามประกาศกระทรวงการคลังที่ ศก.๔/๒๕๒๕ ลงวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๑๕ แต่เป็นวัตถุอื่นที่เป็นแผ่นซึ่งไวต่อแสงและยังมิได้ถ่าย โจทก์จึงประเมินเรียกเก็บอากรขาเข้าในอัตราร้อยละ ๔๐ คิดเป็นเงินค่าอากร ๗๒,๔๘๖.๘๑บาท ภาษีการค้า ๕๐,๑๒๓.๓๖ ภาษีบำรุงเทศบาล ๕,๐๔๑.๑๕ บาท เมื่อนำภาษีอากรที่จำเลยชำระให้ก่อนแล้วมาหักออก จำเลยคงชำระขาดไป คืออากรขาเข้า ๕๘,๒๘๘.๘๐ บาท ภาษีการค้า ๔๗,๑๘๓.๓๓ บาท ภาษีบำรุงเทศบาล ๔,๗๑๘.๓๓ บาท โจทก์แจ้งให้จำเลยทราบและให้นำเงินที่ขาดมาชำระ จำเลยมิได้ชำระในกำหนด จำเลยจึงต้องรับผิดชำระค่าภาษีอากรที่ค้างรวมทั้งเงินเพิ่มเป็น ๕๑,๙๐๑.๖๖ บาทรวมเป็นเงิน ๑๖๒,๐๙๒.๑๒ บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าภาษีอากรที่ค้างรวมทั้งเงินเพิ่มดังกล่าว กับให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากเงินค่าอากรที่ค้างจำนวน ๑๑๐,๑๙๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า สินค้าดังกล่าวเป็นแผ่นฟิล์มเคลือบสารไวแสงใช้ทำแม่พิมพ์สำหรับพิมพ์หนังสือจัดอยู่ในพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๓๗.๐๑ ข. ซึ่งได้รับการลดอัตราอากรจากร้อยละ ๔๐ ลงเหลือร้อยละ ๑๐ เป็นเงินค่าภาษีทั้งสิ้น ๑๗,๔๓๑.๙๔ บาท จำเลยชำระเงินดังกล่าวไปครบถ้วนและถูกต้องแล้ว เจ้าหน้าที่ของโจทก์ก็ได้ตรวจปล่อยสินค้านั้นแล้ว ถ้าเป็นเรื่องคำนวณตัวเลขเว้นอากรคลาดเคลื่อน ซึ่งมีอายุความเรียกร้อง ๒ ปี คดีโจทก์ก็ขาดอายุความ
ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่า สินค้ารายพิพาทเป็นฟิล์มสำหรับใช้ในการทำแม่พิมพ์ จัดอยู่ในพิกัดประเภทที่ ๓๗.๐๑ ข. จำเลยได้รับการลดอัตราอากรตามประกาศกระทรวงการคลัง โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าภาษีอากรเพิ่มรวมทั้งเบี้ยปรับ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรฟังข้อเท็จจริงว่า สินค้ารายพิพาทเป็นแผ่นโลหะอะลูมิเนียมเคลือบด้วยสารไวแสง มีกรรมวิธีในการทำภาพให้ปรากฏในแผ่นโลหะอะลูมิเนียมดังกล่าวโดยจะต้องใช้ฟิล์มโพสซิติปทาบกับแผ่นเพลท แล้วปิดด้วยกระจกอัดแน่นโดยใช้วิธีดูดลมเพื่อให้ฟิล์มสนิทแน่นกับแผ่นเพลทจากนั้นก็จะฉายแสงอุลตราไวโอเลตผ่านฟิล์ม แล้วนำแผ่นเพลทไปล้างด้วยสารละลายก็จะปรากฏภาพ จากนั้นจึงนำไปเป็นแม่พิมพ์ แผ่นโลหะอะลูมิเนียมเคลือบด้วยสารไวแสงดังกล่าวจึงเป็นแผ่นเพลทสำหรับใช้ทำแม่พิมพ์ มิใช่ฟิล์มสำหรับใช้ในการทำแม่พิมพ์ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๓๗.๐๑ ข. จึงไม่อยู่ในข่ายที่จะได้รับการลดหย่อนค่าอากร ตามประกาศกระทรวงการคลังที่ ศก.๔/๒๕๑๕ ลงวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๑๕ ซึ่งลดหย่อนอากรขาเข้าจากอัตราร้อยละ ๔๐ ลงเหลือร้อยละ ๑๐ ดังนั้นจำเลยจึงต้องชำระอากรขาเข้าสำหรับสินค้ารายพิพาทร้อยละ ๔๐ โดยไม่มีการลดหย่อนและต้องชำระอากรในส่วนที่ขาด คืออากรขาเข้า ๕๘,๒๘๘.๘๐ บาท ภาษีการค้า ๔๗,๑๘๓.๓๓ บาท ภาษีบำรุงเทศบาล ๔,๗๑๘.๓๓ บาท และเงินเพิ่ม ๕๑,๙๐๑.๖๖ บาท รวมเป็นเงิน ๑๖๒,๐๙๒.๑๒ บาทแก่โจทก์
พิพากษากลับให้จำเลยชำระภาษีอากรจำนวนดังกล่าว คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก