แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยมิได้ให้การโดยชัดแจ้งว่า การกระทำต่าง ๆ ของจำเลยเป็นการกระทำในฐานะตัวแทนของบริษัท ฟ. ซึ่งอยู่ต่างประเทศไม่มีประเด็นที่ศาลชั้นต้นจะต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำการต่าง ๆในประเทศไทยในฐานะตัวแทนของบริษัทฟ. หรือไม่ จึงมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะไม่รับวินิจฉัยให้ จำเลยมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการขนส่ง บริษัทฟ.ซึ่งเป็นผู้ขนส่งไม่มีสำนักงานสาขาในประเทศไทย แต่ได้มอบหมายให้จำเลยเป็นผู้ดำเนินการติดต่อกับหน่วยราชการต่าง ๆ ในประเทศไทยเพื่อนำเรือบรรทุกสินค้าของบริษัทฟ. เข้าออกท่าเรือกรุงเทพ ขนสินค้าลงจากเรือและแจ้งการมาถึงของเรือให้เจ้าของสินค้าหรือผู้รับตราส่งทราบ ตลอดจนออกใบปล่อยสินค้าให้แก่ผู้รับตราส่งไปรับสินค้าออกจากท่าเรือ เมื่อปรากฏว่า จำเลยได้แจ้งวันที่เรือสินค้าจะมาถึงท่าเรือกรุงเทพให้ผู้รับตราส่งทราบ เป็นผู้ขออนุมัตินำเรือเข้าเทียบท่าและแจ้งหน่วยราชการต่าง ๆ เกี่ยวกับการขออนุญาตเปิดระวางเรือและขนถ่ายสินค้า ขอเช่าเครื่องมืออุปกรณ์การขนถ่ายสินค้า รับคืนใบตราส่งแลกกับใบปล่อยสินค้า และเพื่อให้ผู้รับตราส่งนำไปขอรับสินค้าจากการท่าเรือแห่งประเทศไทยมิฉะนั้นจะรับสินค้าไม่ได้ การดำเนินงานของจำเลยในช่วงนี้เป็นขั้นตอนสำคัญของการขนส่งอันจะทำให้สินค้าที่ขนส่งมาถึงผู้รับตราส่ง และจะขาดช่วยนี้เสียมิได้ มิฉะนั้นการขนส่งจะชะงักนอกจากนี้เมื่อผู้ส่งยังไม่ได้ชำระค่าระวางในการขนส่งโดยให้มาเก็บค่าระวางปลายทาง จำเลยก็มีสิทธิเก็บค่าระวางขนส่งเสียก่อนที่จะออกใบปล่อยสินค้าให้ผู้รับตราส่ง ส่วนบุคคลผู้ที่ขนถ่ายสินค้าลงจากเรือไม่ว่าจำเลยจะใช้พนักงานของจำเลยหรือผู้อื่นทำการขนถ่ายก็ต้องอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยซึ่งเป็นเรื่องวิธีดำเนินการค้าระหว่างบริษัทฟ. กับจำเลยโดยจำเลยได้รับบำเหน็จจากทางการค้าตามปกติของตน จึงถือว่าจำเลยเป็นผู้ทำการขนส่ง นอกจากจำเลยจะดำเนินการดังกล่าวแก่สินค้าขาเข้าแล้ว จำเลยยังดำเนินการเกี่ยวกับการขนสินค้าขาออกจากประเทศไทยให้แก่บริษัทฟ. ด้วย พฤติการณ์ที่จำเลยเข้าเกี่ยวข้องดำเนินงานดังกล่าวเป็นลักษณะร่วมประกอบธุรกิจขนส่งด้วยกันอันเป็นการขนส่งหลายทอดตามวิธีการขนส่งทางทะเลโดยจำเลยเป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้าย จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดในการสูญหายหรือบุบสลายของสินค้าที่ขนส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 618 จำเลยให้การว่า ผู้ส่งทำการบรรจุหีบห่อสินค้าไม่ดี เมื่อสินค้าสูญหายไปในระหว่างขนส่ง ผู้ส่งจึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบบริษัทฟ. ผู้ขนส่งหรือจำเลยไม่ต้องรับผิด แต่จำเลยอุทธรณ์ว่าการซื้อขายสินค้าพิพาทเป็นการซื้อขายระบบซีแอนด์เอฟซึ่งสิทธิทั้งหลายจะตกแก่ผู้รับตราส่งเมื่อของหรือสินค้าได้ถึงตำบลที่กำหนดให้ส่งและผู้รับตราส่งได้เรียกให้ส่งมอบของหรือสินค้าแล้ว แต่ปรากฏว่าสินค้าพิพาทสูญหายก่อนส่งมอบให้แก่ผู้รับตราส่งจึงเป็นเรื่องที่ผู้ส่งจะต้องไปว่ากล่าวกับผู้ขนส่งผู้รับตราส่งยังไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ขนส่ง เช่นนี้เห็นได้ชัดว่าข้ออุทธรณ์ของจำเลยไม่ตรงกับที่จำเลยให้การไว้ จึงมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะไม่รับวินิจฉัยให้ ภาระการพิสูจน์ว่าสินค้าที่ขนส่งสูญหายไปเพราะสุดวิสัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 616 ตกแก่ผู้ขนส่งแม้จะปรากฏว่าขณะเรือบรรทุกสินค้ารายพิพาทมาได้ถูกมุรสมอย่างรุนแรงระหว่างทางก็ตาม แต่ผู้ขนส่งไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาแสดงให้เห็นว่า หีบที่บรรจุสินค้ารายพิพาทได้แตกและสินค้าได้สูญหายไปเพราะเรือโดนมรสุมดังกล่าว และไม่มีพยานยืนยันแน่ชัดว่าหีบที่บรรจุสินค้าพิพาทแตกชำรุดขณะใด จึงยังถือไม่ได้ว่าสินค้าพิพาทได้สูญหายไปเนื่องจากเหตุสุดวิสัย ผู้ขนส่งต้องรับผิดเพื่อความสูญหายนั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกามีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการประกันภัยจำเลยมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการขนส่งสินค้าเพื่อรับบำเหน็จค่าจ้างเป็นทางค้าปกติของจำเลย ห้างหุ้นส่วนจำกัดบุญประสิทธิ์ได้สั่งซื้อสินค้าประเภทอุปกรณ์ที่ใช้หมุดทำเกลียวด้านในและด้านนอกจำนวน 11,450 ชิ้น หรือ 34 กล่อง รวมบรรจุมาเป็น1 หีบใหญ่ จากบริษัทเมียฮัว จำกัด ซึ่งอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นบริษัทเมียฮัว จำกัด ได้ว่าจ้างบริษัทฟูจิวาราไลน์ จำกัดเป็นผู้ขนส่งสินค้ารวมทั้งสินค้าที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดบุญประสิทธิ์สั่งซื้อดังกล่าวมายังประเทศไทยทางทะเลโดยเรือชื่อ”เอ็นโอ 6 ไบนีกา” และห้างหุ้นส่วนจำกัดบุญประสิทธิ์ได้เอาสินค้าดังกล่าวประกันภัยแก่โจทก์ในวงเงิน 290,454.20 บาทบริษัทฟูจิวาราไลน์ จำกัด ผู้ขนส่งทอดแรกไม่มีสำนักงานสาขาในประเทศไทย จึงได้มอบหมายให้จำเลยเป็นผู้ขนส่งร่วมอีกทอดหนึ่งจำเลยตกลงเข้าเป็นผู้ขนส่งในทอดสุดท้าย ต่อมาเรือเอ็นโอ 6 ไบนีกาเข้าเทียบท่าปรากฏว่าสินค้าสูญหายไป 5,606 ชิ้น คิดเป็นเงิน153,841.69 บาท ความเสียหายดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างขนส่งทางทะเล ห้างหุ้นส่วนจำกัดบุญประสิทธิ์จึงเรียกร้องให้โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยชำระค่าเสียหายดังกล่าวตามสัญญาประกันภัยและโจทก์ได้ชำระให้ตามสัญญาแล้ว โจทก์จึงเป็นผู้รับช่วงสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยซึ่งเป็นผู้ร่วมขนส่ง ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 153,841.69 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า การขนส่งรายนี้บริษัทฟูจิวาราไลน์ จำกัดได้ว่าจ้างตัดตอนให้เจ้าของเรือเอ็นโอ 6 ไบนีกาเป็นผู้รับขนส่งไม่ได้มอบหมายให้จำเลยเป็นผู้ขนส่งร่วมแต่อย่างไร จำเลยไม่เคยตกลงเข้าเป็นผู้ขนส่งในทอดสุดท้าย และจำเลยมิได้เป็นตัวแทนในการขนส่งสินค้าในประเทศไทยของบริษัทฟูจิวาราไลน์ การขนส่งสินค้าช่วงสุดท้ายขึ้นจากเรือนั้นบริษัทฟูจิวาราไลน์ได้จ้างให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดยูพีที อิมปอร์ต เอ็กซปอร์ต เป็นผู้ขนถ่ายสินค้าให้แก่เจ้าของสินค้า เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดยูพีทีอิมปอร์ต เอ็กซปอร์ต จัดการขนถ่ายสินค้าลงจากเรือแล้วเป็นอันถือได้ว่าได้ส่งมอบสินค้าให้แก่เจ้าของสินค้าเรียบร้อยแล้วเจ้าของสินค้าต้องนำใบตราส่งมาติดต่อจำเลยเพื่อขอรับใบปล่อยสินค้านำไปออกสินค้าที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นเพียงพิธีการทางศุลกากรเท่านั้น จำเลยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนส่งหรือขนถ่ายสินค้า หากเกิดการสูญหายหรือเสียหายขึ้นแก่สินค้าก็เป็นเหตุสุดวิสัยที่จะป้องกันได้เนื่องจากเรือต้องประสบมรสุมอย่างรุนแรง ผู้ขนส่งจึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน153,841.69 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์กับให้จำเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทยานความให้ 3,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์1,000 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาข้อแรกว่า ตามคำให้การของจำเลยได้ให้การไว้ชัดแจ้งว่า จำเลยดำเนินการติดต่อหน่วยงานต่าง ๆ ในประเทศไทยในฐานะตัวแทนของบริษัทฟูจิวาราไลน์ จำกัดซึ่งเป็นตัวการซึ่งอยู่ต่างประเทศ จำเลยจึงไม่ต้องร่วมรับผิดเกี่ยวกับการสูญหายของสินค้า ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยในปัญหาข้อนี้เป็นการไม่ชอบนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามคำให้การของจำเลยข้อ 3 วรรคสอง ได้ให้การไว้ชัดแจ้งว่าจำเลยมิได้เป็นตัวแทนในการขนส่งสินค้าในประเทศไทยของบริษัทฟูจิวาราไลน์ จำกัดและแม้วรรคสามในข้อเดียวกันจำเลยจะให้การไว้ว่าบริษัทฟูจิวาราไลน์ จำกัด ได้มอบหมายให้จำเลยเป็นผู้แจ้งให้เจ้าของสินค้าทราบว่าเรือเอ็นโอ 6 ไบนีกา จะถึงท่าเรือกรุงเทพเมื่อใด และจำเลยมีหน้าที่แจ้งต่อหน่วยงานต่าง ๆ ในประเทศที่เกี่ยวข้องก่อนเรือบรรทุกสินค้าจะเข้าเทียบท่าก็ตาม แต่จำเลยก็มิให้ให้การโดยชัดแจ้งว่า การกระทำต่าง ๆ ของจำเลยดังกล่าวนั้นเป็นการกระทำในฐานะตัวแทนของบริษัทฟูจิวาราไลน์ จำกัดจึงไม่มีประเด็นที่ศาลชั้นต้นจะต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำการต่าง ๆในประเทศไทยในฐานะตัวแทนของบริษัทฟูจิวาราไลน์ จำกัด หรือไม่ดังนั้นที่จำเลยอุทธรณ์ดังกล่าวข้างต้น จึงมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น ที่พิพากษาไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยจึงชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ฎีกาของจำเลยข้อสองที่ว่า จำเลยเป็นเพียงผู้จัดการแทนบริษัทฟูจิวาราไลน์ จำกัด เพื่อให้เรือบรรทุกสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรได้ตามวิธีการของทางราชการเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับการขนส่งทอดสุดท้าย จำเลยไม่เคยมีข้อตกลงใด ๆ กับห้างหุ้นส่วนจำกัดบุญประสิทธิ์หรือบริษัทเมียฮัว จำกัด ว่าจำเลยจะเป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้ายนั้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยเป็นนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการขนส่งบริษัทฟูจิวาราไลน์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ขนส่งไม่มีสำนักงานสาขาในประเทศไทย แต่ได้มอบหมายให้จำเลยเป็นผู้ดำเนินการติดต่อกับหน่วยราชการต่าง ๆ ในประเทศไทยเพื่อนำเรือบรรทุกสินค้าของบริษัทฟูจิวาราไลน์เข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ ขนสินค้าจากเรือและแจ้งการมาถึงของเรือให้เจ้าของสินค้าหรือผู้รับตราส่งทราบตลอดจนออกใบปล่อยสินค้าให้แก่ผู้รับตราส่งไปรับสินค้าออกจากท่าเรือ ในการขนส่งสินค้าของห้างหุ้นส่วนจำกัดบุญประสิทธิ์คดีนี้ จำเลยนำสืบรับว่าจำเลยได้เข้าไปเกี่ยวข้องโดยดำเนินการแจ้งวันที่เรือสินค้า เอ็นโอ 6 ไบนีกาจะถึงท่าเรือกรุงเทพให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดบุญประสิทธิ์เจ้าของสินค้าหรือผู้รับตราส่งทราบ เป็นผู้ขออนุมัตินำเรือเข้าเทียบท่าและแจ้งหน่วยงานราชการต่าง ๆ เกี่ยวกับการขออนุญาตเปิดระวางเรือและขนถ่ายสินค้าปรากฏตามเอกสารหมาย ล.4 ถึง ล.6 ขอเช่าเครื่องมืออุปกรณ์การขนถ่ายสินค้า ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.13 ถึง จ.18 รับคืนใบตราส่งแลกกับใบปล่อยสินค้า ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.1 และ ล.2 เพื่อให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดบุญประสิทธิ์เจ้าของสินค้าหรือผู้รับใบตราส่งนำไปขอรับสินค้าจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย มิฉะนั้นจะรับสินค้าไม่ได้ การดำเนินงานของจำเลยในช่วงนี้เป็นขั้นตอนสำคัญของการขนส่งอันจะทำให้สินค้าที่ขนส่งมาถึงผู้รับตราส่ง และจะขาดช่วงนี้เสียมิได้มิฉะนั้นการขนส่งจะต้องชะงัก นอกจากนี้เมื่อผู้ส่งยังไม่ได้ชำระค่าระวางในการขนส่งโดยให้มาเก็บค่าระวางปลายทางจำเลยก็มีสิทธิเก็บค่าระแวงขนส่งเสียก่อนที่จะออกใบปล่อยสินค้าให้ผู้รับตราส่งไป ส่วนบุคคลผู้ที่ขนถ่ายสินค้าลงจากเรือไม่ว่าจำเลยจะใช้พนักงานของจำเลยหรือผู้อื่นทำการขนถ่าย ก็ต้องอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยซึ่งเป็นเรื่องวิธีดำเนินการค้าระหว่างบริษัทฟูจิวาราไลน์ จำกัด ผู้ขนส่งกับจำเลยโดยจำเลยได้รับบำเหน็จทางการค้าตามปกติของตน จึงถือว่าจำเลยเป็นผู้ทำการขนส่งนอกจากจำเลยจะดำเนินการดังกล่าวแก่สินค้าขาเข้าแล้ว จำเลยยังดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าขาออกจากประเทศไทยให้แก่บริษัทฟูจิวาราไลน์ด้วย พฤติการณ์ที่จำเลยเข้าเกี่ยวข้องดำเนินงานดังกล่าวเป็นลักษณะร่วมประกอบธุรกิจขนส่งด้วยกันอันเป็นการขนส่งหลายทอดตามวิธีการขนส่งทางทะเลโดยจำเลยเป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้าย จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดในการสูญหายหรือบุบสลายของสินค้าที่ขนส่ง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 618 คำพิพากษาฎีกาที่จำเลยอ้างมาข้อเท็จจริงไม่ตรงกับกรณีนี้ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ฎีกาของจำเลยข้อสามที่ว่า จำเลยได้ให้การไว้แล้วในคำให้การข้อ 6 เช่น 2 บรรทัดสุดท้ายที่ว่า “หากมีจำนวนไม่ครบก็เป็นเรื่องของภัยทางทะเล หรือมิฉะนั้นก็เป็นความผิดของบริษัทเมียฮัว จำกัดเอง” ซึ่งหมายความว่า หากมีสินค้าไม่ครบถ้วนก็เป็นเรื่องที่ผู้ซื้อและผู้ขายต้องไปว่ากล่าวกันเอาเอง ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้ต่อสู้ไว้และไม่รับวินิจฉัยให้จึงไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำให้การของจำเลย ข้อ 6วรรคสุดท้าย พอสรุปใจความได้ว่าบริษัทเมียฮัว จำกัด ผู้ขายหรือผู้ส่งทำการบรรจุหีบห่อสินค้าไม่ดี เมื่อสินค้าสูญหายไปในระหว่างขนส่งบริษัทเมียฮัว จำกัด จึงต้องเป็นผู้รับผิดบริษัทฟูจิวาราไลน์ จำกัด ผู้ขนส่งหรือจำเลยไม่ต้องรับผิดชอบในจำนวนสินค้าสูญหายไป แต่ตามอุทธรณ์ของจำเลยข้อ (ข) วรรคสุดท้ายมีใจความว่า การซื้อขายสินค้ารายพิพาทนี้ เป็นการซื้อขายระบบซีแอนด์เอฟ ซึ่งสิทธิทั้งหลายจะตกแก่ผู้รับตราส่ง เมื่อของหรือสินค้าได้ถึงตำบลที่กำหนดให้ส่งและผู้รับตราส่งได้เรียกให้ส่งมอบของหรือสินค้าแล้ว แต่ปรากฏว่าสินค้ารายพิพาทที่สูญหายในคดีนี้เกิดขึ้นก่อนที่เรือจะเข้าเทียบท่าเรือ แสดงว่าสินค้าสูญหายก่อนส่งมอบให้แก่ผู้รับตราส่ง จึงเป็นเรื่องที่บริษัทเมียฮัวจำกัด ผู้ส่งจะต้องไปว่ากล่าวเอากับบริษัทฟูจิวาราไลน์ จำกัดห้างหุ้นส่วนจำกัดบุญประสิทธิ์ผู้รับตราส่งจึงยังไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากผู้ขนส่ง จะเห็นได้ชัดว่าข้ออุทธรณ์ของจำเลยไม่ตรงกับที่จำเลยให้การไว้ดังกล่าวข้างต้น จึงมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้จึงชอบแล้ว ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน
ส่วนฎีกาของจำเลยข้อสุดท้ายที่ว่า สินค้าที่สูญหายไปเพราะเหตุสุดวิสัยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 616 ได้บัญญัติไว้ว่า “ผู้ขนส่งจะต้องรับผิดในการที่ของอันเขาได้มอบหมายแก่ตนนั้นสูญหายหรือบุบสลายหรือส่องมอบชักช้าเว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการสูญหายหรือบุบสลายหรือชักช้านั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย” จะเห็นได้ว่าตามบทบัญญัติดังกล่าว ภาระการพิสูจน์ตกอยู่แก่จำเลยที่จะต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าการสูญหายของสินค้ารายพิพาทเกิดขึ้นแต่เหตุสุดวิสัย ถึงแม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าขณะที่เรือเอ็นโอ 6 ไบนีกา ที่บรรทุกสินค้ารายพิพาทมาได้ถูกมรสุมอย่างรุนแรงระหว่างทางก็ตาม แต่จำเลยก็ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดมาแสดงให้เห็นว่าหีบที่บรรจุสินค้ารายพิพาทมาได้แตกและสินค้าได้สูญหายไปเพราะเรือโดนมรสุมดังกล่าว เพิ่งมาสำรวจพบว่าหีบที่บรรจุสินค้ารายพิพาทมาแตกชำรุดเมื่อขนถ่ายลงจากเรือแล้ว และไม่มีพยานยืนยันแน่ชัดว่าหีบที่บรรจุสินค้ารายพิพาทมาแตกชำรุดขณะใด ดังนั้นจึงยังฟังไม่ได้ว่าสินค้ารายพิพาทได้สูญหายไปเนื่องจากเหตุสุดวิสัยตามที่จำเลยฎีกา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์นั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทุกข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแทนโจทก์ 600 บาท