แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีอาญาเกินอำนาจศาลแขวงพิจารณาพิพากษาเมื่อศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์ย่อมอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2503)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จ ศาลแขวงธนบุรีไต่สวนแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูลเป็นความผิดทางอาญา พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ศาลแขวงยกฟ้องในข้อเท็จจริงโจทก์อุทธรณ์ไม่ได้ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่าคดีของโจทก์ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาเห็นว่า ตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ มาตรา 13 ระบุว่าการไต่สวนมูลฟ้องของศาลแขวง ให้ถือว่าเป็นการไต่สวนมูลฟ้องของศาลอาญาหรือศาลจังหวัดแล้วแต่กรณี ตามมาตรานี้ย่อมเป็นการระบุให้เห็นว่า การไต่สวนมูลฟ้องคดีที่เกินอำนาจของศาลแขวงนั้นให้ถือเป็นการไต่สวนมูลฟ้องของศาลอาญาหรือศาลจังหวัด การไต่สวนมูลฟ้องของศาลอาญาหรือศาลจังหวัด เมื่อศาลสั่งว่าคดีไม่มีมูลประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 170 ระบุให้อุทธรณ์ฎีกาได้ ไม่เป็นการต้องห้ามตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ จัดตั้งศาลแขวงฯ มาตรา 22 ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า มาตรา 22 มีความหมายเฉพาะคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลแขวง ที่จะพิจารณาพิพากษาคดีเท่านั้น คดีที่เกินอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษา จึงอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้คดีนี้ ตามคำบรรยายฟ้องและคำขอท้ายฟ้องของโจทก์เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 174 วรรค 2 ซึ่งโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกินห้าปี ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทอันเป็นความผิดเกินอำนาจของศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาได้ จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริง
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่