แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กล่าวในฟ้องว่า จำเลยลักเก็บมะม่วงของวัดซึ่งขึ้นอยุ่ในวัด และ จำเลยก็รับว่า ทำผิดจริงตามฟ้องดังนี้เป็นผิดตาม ม. 288 ไม่ใช่ ม. 292, เมื่อโทษที่ จำเลยได้รับครั้งหลังเพียงแต่ปรับสถานเดียวแล้ว จะยกเอาอาญาที่รอไว้มาลงไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักเก็บมะม่วงของวัดสามพระยาซึ่งขึ้นอยู่ในวัดไป ๘ ผล ราคา ๑๖ สตางค์ จำเลยเคยต้อง โทษมาครั้งหนึ่งแล้วแต่ศาลรอการลงอาญาไว้ ขอให้ ลงโทษ และเพิ่มโทษตามมาตรา ๒๘๘, ๗๒
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่า การลักเก็บผลไม้ด้วยราคาเล็กน้อยเช่นนี้ผิดตามมาตรา ๒๙๒ พิพากษาปรับ จำเลย ๑๒ บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยลักเก็บมะม่วงของวัดสามพระยาซึ่งขึ้นอยู่ในวัดนั้น เป็นอันกล่าวชัดในตัวว่าไม่ได้ขึ้นอยู่ในเรือกสวนไร่นา ทั้ง จำเลยก็รับสารภาพว่าทำผิดจริงตามฟ้อง ก็เท่ากับจำเลยรับว่าได้ลักเก็บมะม่วงของวัดซึ่งขึ้นอยู่ในวัดหา ใช่ขึ้นอยู่ในเรือกสวนไร่นาไม่ และตาม พระราชบัญญัติปกครองคณะสงฆ์ มาตรา ๕ ก็บัญญัติว่า วัดอาจเป็นอารามหลวงหรืออารามราษฎร์หรือสำนักสงฆ์ก็ได้ ฉะนั้นตามฟ้องที่กล่าวว่าขึ้นอยุ่ในวัดจึงเป็นการกล่าวชัดในตัวว่า ไม่ใช่เรือกสวนไร่นา ฉะนั้น จำเลยจึงมีผิดตามมาตรา ๒๘๘ หาใช่มาตรา ๒๘๒ ไม่ จึงพิพากษาแก้ ศาลล่างให้ ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๘๘ – ๕๙ และให้ยกโทษจำเลยมาตรา ๔๐ คงปรับ ๑๒ บาท ส่วนที่ขอให้เอาโทษที่รอการลงอาญามาลงโทษที่ จำเลยได้รับเพียงแต่ปรับสถานเดียวแล้ว จะยกอาญาที่รอนั้นมาลงไม่ได้