คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3758/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

วันเกิดเหตุมีงานศพที่วัดวังมะปราง บิดามารดาผู้เสียหายและผู้เสียหายไปช่วยงานศพที่วัดดังนี้การที่จำเลยพาผู้เสียหายอายุ17ปีออกจากวัดวังมะปราง แม้ในตอนแรกผู้เสียหายจะสมัครใจไปด้วยแต่การพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารและปลุกปล้ำกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายโดยผู้เสียหายมิได้ยินยอมด้วยนั้นถือว่าผู้เสียหายมิได้เต็มใจไปด้วยจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา278,318วรรคสาม ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีอายุ19ปีลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา76ไม่ถูกต้องเพราะอายุที่ถือเป็นเกณฑ์ตามบทกฎหมายดังกล่าวคืออายุขณะที่กระทำความผิดซึ่งขณะกระทำผิดจำเลยอายุ17ปีเศษยังอ่อนเยาว์ต่อความรู้สึกผิดชอบสมควรลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 278, 318, 90
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 278, 318 วรรคสาม ให้ลงโทษตามมาตรา 318 วรรคสามซึ่งมีโทษหนักที่สุดเพียงกระทงเดียว จำเลยอายุ 19 ปี ลดมาตราส่วนโทษหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 คงจำคุก 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยมิได้โต้แย้งกันในชั้นนี้ฟังเป็นยุติว่า ในวันเกิดเหตุมีงานศพนายเอี้ยงที่วัดวังมะปราง นายสมบูรณ์ แสงแก้ว กับนางอารอบ แสงแก้วบิดามารดาผู้เสียหายและผู้เสียหายไปช่วยงานศพตั้งแต่ตอนกลางวันส่วนจำเลยไปที่งานศพเวลากลางคืน ต่อมาจำเลยขับรถจักรยานยนต์พาผู้เสียหายออกจากวัดวังมะปรางไป ปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาหรือไม่ เห็นว่าผู้เสียหายมากับจำเลยโดยไม่รู้ว่าจำเลยจะพามาทำอนาจาร ผู้เสียหายเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่าเมื่อฉวยมีดวิ่งหนี หากผู้เสียหายจะวิ่งต่อไปอีกก็วิ่งได้ แต่ไม่กล้าวิ่งเนื่องจากมืดและไม่รู้ทางออกเนื่องจากเป็นป่ายางพาราและสวนปาล์มซึ่งผู้เสียหายไม่เคยเข้ามาก่อนและไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือ เนื่องจากเห็นว่าบริเวณที่เกิดเหตุไม่มีบ้านคน ซึ่งสมเหตุผลจำเลยกับผู้เสียหายนั้นอยู่ในวันเดียวกันขณะเกิดเหตุต่างมีอายุ 17 ปีเศษ มีความสนิทสนมกัน ผู้เสียหายย่อมมีความกลัวไม่กล้าจะทำร้าย แต่ก็ขัดขืนดิ้นรนตลอดมา จำเลยจึงใช้กำลังปลุกปล้ำแต่ไม่สามารถจะร่วมประเวณีกับผู้เสียหายได้ เหตุที่ไม่แย่งมีดไปเสียก่อนก็เพราะผู้เสียหายไม่มีท่าทีว่าจะทำร้ายจำเลยตลอดเวลาที่จำเลยเข้าเล้าโลมจนพยายามจะถอดกางเกงผู้เสียหายออกผู้เสียหายจึงขัดขื่นเต็มที่โดยถีบจำเลยด้วยรู้ว่าจำเลยจะร่วมประเวณี เมื่อดิ้นหลุดออกมาได้ ขอให้จำเลยพากลับบ้าน จึงถีบรถจักรยานยนต์ล้มอันแสดงว่าโกรธจำเลย จำเลยยังเข้าไปขอร่วมประเวณีและควักอวัยวะเพศของจำเลยออกมาให้ดูและเข้าปลุกปล้ำผู้เสียหายผู้เสียหายจึงใช้มีดแกว่งไปถูกหน้าจำเลยเพราะเห็นว่าจำเลยไม่ยอมเลิกซึ่งเมื่อจำเลยสวมเสื้อผ้าแสดงว่าไม่ข่มเหงผู้เสียหายอีกแล้วจำเลยขอมีดคืน ผู้เสียหายก็คืนให้ และเมื่อจำเลยไม่สามารถร่วมประเวณีกับผู้เสียหายได้ก็โกรธโดยขับรถกลับออกมา โดยไม่พูดจาและขับด้วยความเร็วจนเลยบ้านผู้เสียหายและจอดให้ผู้เสียหายเดินกลับเอาเองจึงไม่ขัดต่อเหตุผลการที่จำเลยพาผู้เสียหายออกจากวัดวังมะปรางแม้ในตอนแรกผู้เสียหายจะสมัครใจไปด้วย แต่การพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารและทำอนาจารแก่ผู้เสียหายโดยผู้เสียหายมิได้ยินยอมด้วยนั้น ถือว่าผู้เสียหายมิได้เต็มใจไปด้วย พยานหลักฐานชี้ชัดว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง แต่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษา จำเลยมีอายุ 19 ปีลดมาตราส่วนโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 นั้น อายุที่ถือเป็นเกณฑ์ตามบทกฎหมายดังกล่าว คือ อายุขณะที่กระทำความผิด ซึ่งขณะกระทำผิดจำเลยอายุ 17 ปีเศษ ยังอ่อนเยาว์ต่อความรู้สึกผิดชอบสมควรลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยแก้เป็นว่าจำเลยอายุ 17 ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 76 จำคุก 1 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share