คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3745/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยซื้อสินค้าปุ๋ยเคมีจากโจทก์และสั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระค่าสินค้า แต่เช็คดังกล่าวถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินขอให้จำเลยชำระค่าสินค้าพร้อมดอกเบี้ยกรณีจึงเป็นการฟ้องให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ในมูลหนี้ตามสัญญาซื้อขาย แม้จำเลยจะให้การต่อสู้ว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้เพราะไม่มีการส่งมอบสินค้าตามสัญญาซื้อขายและเช็คขาดอายุความแล้วก็ตามคดีก็ไม่มีประเด็นพิพาทเรื่องมูลหนี้ตามเช็ค การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า เช็คพิพาทมีมูลหนี้หรือไม่ และฟ้องโจทก์ขาดอายุความ(ตามเช็ค) หรือไม่ จึงไม่ถูกต้อง ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยไปตามประเด็นที่ถูกต้องได้ ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้จำเลยรับผิดชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายจึงเป็นไปตามประเด็นที่ถูกต้องไม่ถือเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาท ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยออกเช็คตามฟ้องทั้งสองฉบับให้โจทก์เป็นการชำระหนี้ ไม่ใช่เพียงให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันและจำเลยไม่ได้อุทธรณ์โต้แย้งข้อที่ศาลชั้นต้นฟังมาดังกล่าวจึงฟังเป็นยุติว่าจำเลยออกเช็คตามฟ้องทั้งสองฉบับให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ ฎีกาของจำเลยที่ว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคำให้การจำเลยไม่ชัดแจ้งเคลือบคลุมเป็นการไม่ชอบ เพราะตามคำให้การจำเลยชัดแจ้งว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คตามฟ้องทั้งสองฉบับเป็นประกันในการที่จำเลยสั่งซื้อปุ๋ยเคมีจากโจทก์นั้น แม้จะฟังดังที่จำเลยฎีกามาก็ไม่เป็นประโยชน์แก่รูปคดีของจำเลย ย่อมไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ เมื่อศาลฟังว่าจำเลยต้องรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์ตามสัญญาซื้อขายปุ๋ยเคมี ปัญหาเรื่องอายุความก็ต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 จะปรับอายุความเรื่องเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2532 จำเลยสั่งซื้อปุ๋ยเคมีตรา3 พญานาค จากโจทก์จำนวน 104 ตัน เป็นเงิน 514,800 บาทและได้รับสินค้าไปครบแล้ว ตกลงจะชำระค่าสินค้าในวันที่ 2 ตุลาคม2532 เป็นเงิน 214,800 บาท และในวันที่ 5 ตุลาคม 2532 จำนวนเงิน300,000 บาท โดยจำเลยได้สั่งจ่ายเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขาบางบอน จำนวน 2 ฉบับ ลงวันที่ 2 ตุลาคม 2532 จำนวนเงิน214,800 บาท และลงวันที่ 5 ตุลาคม 2532 จำนวนเงิน 300,000 บาทเมื่อเช็คถึงกำหนดธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน585,799.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน514,800 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า มูลหนี้ตามฟ้องเป็นมูลหนี้อันเกิดจากตั๋วเงินซึ่งเป็นการแปลงหนี้ใหม่จากการซื้อขาย มูลหนี้เดิมจากการซื้อขายจึงระงับสิ้นไป โจทก์นำหนี้ตามตั๋วเงินมาฟ้องเกิน 1 ปี คดีจึงขาดอายุความเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้เพราะโจทก์ให้จำเลยสั่งจ่ายเพื่อเป็นประกันการที่จำเลยจะสั่งซื้อปุ๋ยเคมีจากโจทก์ตามฟ้อง ไม่มีการส่งมอบสินค้าปุ๋ยกันจริงสัญญาซื้อขายจึงยังไม่เกิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน585,799.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน514,800 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาข้อแรกว่า ประเด็นข้อพิพาทมีเพียงว่าเช็คพิพาทมีมูลหนี้หรือไม่ การที่ศาลหยิบยกมูลหนี้ตามสัญญาซื้อขายขึ้นวินิจฉัยจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาทนั้นเห็นว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยซื้อสินค้าปุ๋ยเคมีจากโจทก์และสั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระค่าสินค้า แต่เช็คดังกล่าวถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้จำเลยชำระค่าสินค้าพร้อมดอกเบี้ยกรณีจึงเป็นการฟ้องให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ในมูลหนี้ตามสัญญาซื้อขาย แม้จำเลยจะให้การต่อสู้ว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้เพราะไม่มีการส่งมอบสินค้าตามสัญญาซื้อขายและเช็คขาดอายุความแล้วก็ตาม คดีก็ไม่มีประเด็นพิพาทเรื่องมูลหนี้ตามเช็ค การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าเช็คพิพาทมีมูลหนี้หรือไม่ และฟ้องโจทก์ขาดอายุความ (ตามเช็ค)หรือไม่ จึงไม่ถูกต้อง ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยไปตามประเด็นที่ถูกต้องได้ ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยให้จำเลยรับผิดชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายจึงเป็นไปตามประเด็นที่ถูกต้อง ไม่ถือเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาทแต่อย่างใด
จำเลยฎีกาต่อไปว่า ตามคำให้การของจำเลยชัดแจ้งว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คตามฟ้องทั้งสองฉบับเป็นประกันในการที่จำเลยสั่งซื้อปุ๋ยเคมีจากโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่าคำให้การของจำเลยไม่ชัดแจ้งเคลือบคลุมเป็นการไม่ชอบ ในข้อนี้ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยออกเช็คตามฟ้องทั้งสองฉบับให้โจทก์เป็นการชำระหนี้ ไม่ใช่เพียงให้โจทก์เป็นประกัน และจำเลยไม่ได้อุทธรณ์โต้แย้งข้อที่ศาลชั้นต้นฟังมาดังกล่าว จึงฟังเป็นยุติว่าจำเลยออกเช็คตามฟ้องทั้งสองฉบับให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ ฎีกาของจำเลยในข้อนี้แม้จะฟังดังที่จำเลยฎีกามาก็ไม่เป็นประโยชน์แก่รูปคดีของจำเลย ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
จำเลยฎีกาต่อไปว่า จากคำเบิกความของนายอดุล น้าประเสริฐ และนายสุพจน์ อุ่ยประภัสสร พยานโจทก์รับฟังได้ว่าจำเลยยังไม่ได้รับปุ๋ยเคมีจากโจทก์ ในข้อนี้จำเลยไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
จำเลยฎีกาข้อสุดท้ายว่า ตามประเด็นข้อพิพาทเป็นเรื่องพิพาทเกี่ยวกับเช็คสถานเดียว ปัญหาอายุความต้อง ปรับด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 คดีโจทก์ขาดอายุความแล้วเห็นว่า เมื่อศาลฟังว่าจำเลยต้องรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์ตามสัญญาซื้อขายปุ๋ยเคมีปัญหาเรื่องอายุความก็ต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมา ฟ้องโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน

Share